แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คืนเกิดเหตุจำเลยเป็นครูเวรของโรงเรียนแล้วมีนักเรียนลอบเข้าไปจุดเทียนไขอ่านหนังสือในห้องสมุดของโรงเรียน จนเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้โรงเรียนซึ่งเป็นทรัพย์สินของโจทก์ในขณะที่จำเลยไม่ได้อยู่เฝ้าที่โรงเรียนนั้น กรณีเห็นได้ชัดว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่จำเลยไม่อาจคาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นว่าจะเกิดขึ้นได้เลย ความเสียหายของโจทก์จึงหาใช่ผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยไม่ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๒๖ เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยมีหน้าที่เป็นครูเวรรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของโรงเรียนวัดบ่อโศรกและทรัพย์สินอื่น ๆ ของโรงเรียนซึ่งเป็นทรัพย์ของโจทก์ ด้วยความประมาทเลินเล่อของจำเลยปล่อยปละละเลยหน้าทื่ ไม่ดูแลความปลอดภัยของโรงเรียน ทิ้งโรงเรียนไว้โดยไม่มีคนเฝ้าดูแลเป็นเวลาหลายชั่วโมงติดต่อกันเป็นเหตุให้เด็กชายสายตรวจ โคนันทะ กับพวกรวม ๓ คน ถือโอกาสเข้าไปรื้อค้นดูหนังสือในห้องสมุดของโรงเรียนแล้วได้กลับออกไปโดยจุดเทียนไขทิ้งไว้ในห้องสมุด เป็นเหตุให้เทียนไขนั้นไหม้ลุกลามกระดาษสมุดหนังสือในห้องสมุดและทรัพย์สินอื่น ๆ ของโรงเรียนเสียหาย ขอให้จำเลยชดใช้เงินจำนวน ๒๐๙,๕๖๒.๕๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ การที่ไฟไหม้โรงเรียนวัดบ่อโศรกไม่ใช่เป็นการกระทำของจำเลย แต่เป็นการกระทำของเด็กชายสายตรวจ โคนันทะเด็กชายณรงค์ บุตรทา และเด็กชายศักดิ์ดา สมศรี โดยตรง จำเลยมิได้มีส่วนรู้เห็นเป็นใจหรือสนับสนุนการกระทำละเมิดนั้นแต่อย่างใด จำเลยจึงหาต้องร่วมรับผิดด้วยไม่ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๑๖๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาวินิจฉัยมีว่า จำเลยได้ละเว้นหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายหรือไม่ และความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยหรือไม่ เห็นว่า คืนเกิดเหตุจำเลยเป็นครูเวร ซึ่งได้กำหนดขึ้นโดยระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๑๗ ตามระเบียบดังกล่าวได้วางมาตรการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับสถานที่และการป้องกันอัคคีภัยไว้ แต่ตามพยานหลักฐานโจทก์ไม่ปรากฏว่า จำเลยได้กระทำหรือละเว้นกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบดังกล่าวแต่อย่างใดอันจะถือว่าจำเลยประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย แม้จะฟังว่า ขณะเกิดเพลิงไหม้จำเลยไม่อยู่เฝ้าโรงเรียนเพราะไปคุยอยู่ที่บ้านผู้มีชื่อ แต่การที่จะให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์นั้น โจทก์จะต้องนำสืบให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นเป็นผลโดยตรงจากการกระทำหรือละเว้นการกระทำของจำเลย และเป็นความเสียหายซึ่งจำเลยได้คาดเห็นหรือควรจะคาดเห็นว่าย่อมจะเกิดขึ้นได้จากการกระทำโดยประมาทเลินเล่อของตน คดีนี้พยานหลักฐานโจทก์ได้ความเพียงว่าคืนเกิดเหตุจำเลยเป็นครูเวรของโรงเรียนแล้วมีเด็กนักเรียนลอบเข้าไปจุดเทียนไขอ่านหนังสือในห้องสมุดของโรงเรียนจนเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ ขณะจำเลยไม่ได้อยู่เฝ้าที่โรงเรียนนั้นกรณีจึงเห็นได้ชัดว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่จำเลยไม่อาจคาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นว่าจะเกิดขึ้นได้เลย ความเสียหายของโจทก์จึงหาใช่ผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยไม่จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.