แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลชั้นต้นสั่งฎีกาว่า คดีโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าขณะยื่นฟ้องเดือนละ 500 บาทศาลอุทธรณ์ (ศาลอุทธรณ์ภาค 2) พิพากษายืนศาลชั้นต้นให้ขับไล่จำเลย ทั้งผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลอุทธรณ์(ศาลอุทธรณ์ภาค 2) ไม่รับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาได้จึงไม่รับฎีกาจำเลย ส่วนคำร้องขอทุเลาการบังคับสั่งว่าศาลสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย จึงไม่รับคำร้อง
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ส่วนปัญหาข้อเท็จจริงที่จำเลย ขออนุญาตฎีกานั้นก็เป็นผลจากฎีกาในข้อกฎหมายนั่นเอง และ โจทก์ขอให้จำเลยรับผิดเดือนละ 20,000 บาท จำเลยจึงมีสิทธิ ฎีกาได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาและรับคำร้องขอทุเลาการบังคับ ของจำเลยด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 45แผ่นที่ 2)
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากตึกพิพาทของโจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์20,000 บาท และให้ใช้ค่าเสียหายให้โจทก์อีกเดือนละ 20,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะขนย้ายออกจากตึกพิพาทเสร็จสิ้น
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 83,82)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษา หรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล (อันดับ 93)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าตามสัญญาเช่าเดือนละ 500 บาทถือได้ว่ามีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละ 10,000 บาทแม้โจทก์จะกล่าวมาในคำฟ้องด้วยว่าการที่จำเลยยังอยู่ในอสังหาริมทรัพย์ที่เช่าทำให้โจทก์เสียหายขาดประโยชน์เดือนละ20,000 บาท ก็ไม่ใช่ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ในขณะยื่นคำฟ้องจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ฎีกาของจำเลยข้อ 3.2 ที่โต้แย้งค่าเสียหายตามที่ศาลชั้นต้นกำหนด เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาในปัญหาข้อนี้ชอบแล้ว
ส่วนฎีกาของจำเลยข้อ 3.1 ที่ว่า โจทก์ไม่มีสิทธิบอกเลิก สัญญาตามสัญญาเช่าข้อ 8 และข้อ 10 เป็นฎีกาในข้อกฎหมาย จึงให้รับฎีกาของจำเลยเฉพาะในปัญหาข้อนี้ ให้ศาลชั้นต้น ดำเนินการต่อไป