คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยออกเช็คครั้งแรกสั่งจ่ายเมื่อครบ 10 เดือนครั้นถึงกำหนดธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินเพราะจำเลยไม่มีเงินในบัญชี ผู้เสียหายจึงร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีแก่จำเลยฐานออกเช็คไม่มีเงินแต่มีคนไกล่เกลี่ย ผู้เสียหายจึงให้จำเลยผัดไปอีก 6 เดือน โดยจำเลยออกเช็คฉบับใหม่ให้ผู้เสียหาย ครั้นถึงกำหนดขึ้นเงินเช็คฉบับใหม่ธนาคารก็ปฏิเสธไม่จ่ายเงินอีกเพราะจำเลยไม่มีเงินในธนาคารผู้เสียหายจึงฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งเรียกเงินตามเช็ค ในคดีแพ่งคู่ความทำยอมกันโดยจำเลยยอมใช้เงินให้โจทก์ภายใน 15 วัน ในวันเดียวกันนั้นเอง ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานให้ดำเนินคดีแก่จำเลย เช่นนี้อัยการโจทก์จะมาฟ้องจำเลยในกรณีเดียวกันนี้เป็นคดีอาญาฐานออกเช็คไม่มีเงินตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ อีกหาได้ไม่เพราะคดีนี้เกี่ยวกับความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค โจทก์มุ่งประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยในทางอาญา แต่ก็ปรากฏว่าผู้เสียหายเคยร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยมาครั้งหนึ่งแล้วแต่ผู้เสียหายก็ตกลงให้จำเลยออกเช็คให้ใหม่ ครั้นไม่ได้รับชำระอีก ผู้เสียหายก็ฟ้องเป็นคดีแพ่งไม่ได้ดำเนินทางอาญา ต่อมาได้ตกลงประนีประนอมยอมความกันให้จำเลยชำระเงินภายใน 15 วัน นับจากวันทำยอมในคดีแพ่งแม้ในสัญญายอมตามที่ผู้เสียหายและจำเลยกระทำกันในคดีแพ่งนี้จะไม่ได้พูดถึงทางอาญาเลยแต่ตามพฤติการณ์ต่างๆที่ผู้เสียหายและจำเลยได้ปฏิบัติต่อกันมาดังกล่าว ย่อมมุ่งหมายจะให้ระงับคดีในทางอาญาด้วยฉะนั้น แม้ผู้เสียหายจะไปร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับเช็ครายนี้แก่จำเลยอีกก็ตามแต่เมื่อกรณีออกเช็คไม่มีเงินนี้เป็นความผิดต่อส่วนตัวการที่ผู้เสียหายกับจำเลยได้ประนีประนอมยอมความกันในกรณีนี้ จึงมีผลทำให้สิทธินำคดีอาญารายนี้มาฟ้องจึงระงับไป(ประชุมใหญ่ครั้งที่5/2503)

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงได้ความว่าเดิมจำเลยออกเช็คเงิน 64,000 บาท ให้ผู้เสียหาย 1 ฉบับ กำหนดยื่นเช็คต่อธนาคารขอรับเงินใน 10 เดือนครั้นถึงกำหนดผู้เสียหายเอาเช็คไปขึ้นเงินธนาคารไม่จ่ายเงินผู้เสียหายจึงร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีแก่จำเลยนายย่งตุ้นมาเจรจาขอให้ผู้เสียหายประนีประนอม ผู้เสียหายให้โอกาสจำเลยผัดไป 6 เดือน โดยจำเลยออกเช็คฉบับใหม่ให้ผู้เสียหายแต่ถึงกำหนดเช็คฉบับใหม่นี้ก็ขึ้นเงินจากธนาคารไม่ได้อีกเนื่องจากจำเลยไม่มีเงินในธนาคาร ผู้เสียหายจึงฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่ง เรียกเงินตามเช็ค ในคดีแพ่งคู่กรณีได้ประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยยอมใช้เงินให้โจทก์ภายใน 15 วัน นับแต่วันทำยอมแต่ในวันเดียวกันนั้นเอง ผู้เสียหายก็ได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานให้ดำเนินคดีแก่จำเลยและแล้วอัยการโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาในเรื่องนี้ขอให้ลงโทษจำเลยฐานออกเช็คไม่มีเงินตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างให้ปรับ 2 เท่าราคาเงินที่ระบุในเช็คเป็นเงิน 128,000 บาทถ้าไม่ชำระค่าปรับให้กักขัง แทนค่าปรับมีกำหนด 1 ปี 6 เดือนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ผู้เสียหายกับจำเลยได้ประนีประนอมยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) ได้บัญญัติว่า ในคดีความผิดต่อส่วนตัวถ้าได้มีการยอมความโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้วสิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับ ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า คดีนี้เกี่ยวกับความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค โจทก์มุ่งประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยในทางอาญา แต่ก็ปรากฏว่า ผู้เสียหายเคยร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ผู้เสียหายก็ตกลงให้จำเลยออกเช็คให้ใหม่ ครั้นไม่ได้รับชำระอีกผู้เสียหายก็ฟ้องเป็นคดีแพ่ง ไม่ได้ดำเนินทางอาญา ต่อมาได้ตกลงประนีประนอมยอมความกัน ให้จำเลยชำระเงินภายใน 15 วัน นับจากวันทำยอมในคดีแพ่งดังกล่าวเสียแล้ว แม้ในสัญญายอมตามที่ผู้เสียหายและจำเลยกระทำกันในคดีแพ่งนี้ จะไม่ได้พูดถึงทางอาญาเลย แต่ตามพฤติการณ์ต่าง ๆที่ผู้เสียหายและจำเลยได้ปฏิบัติต่อกันมาดังกล่าวแล้ว ย่อมเห็นได้ว่า มุ่งหมายจะให้ระงับคดีในทางอาญาด้วย ฉะนั้น แม้ผู้เสียหายจะไปร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับเช็ครายนี้แก่จำเลยอีกก็ตาม แต่เมื่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 4 ก็ได้บัญญัติว่า เป็นความผิดต่อส่วนตัวการที่ผู้เสียหายกับจำเลยได้ตกลงประนีประนอมยอมความกันในกรณีนี้จึงมีผลทำให้สิทธิที่จะนำคดีอาญามาฟ้องระงับไป ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share