คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5040/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในวันนัดชี้สองสถานทนายจำเลยมาศาลเมื่อศาลนัดสืบพยานโจทก์ไปแล้ว จำเลยเพียงแต่สอบถามวันนัดจากเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ ไม่ได้ตรวจดู สำนวนว่าศาลนัดสืบพยานโจทก์วันเวลาใดให้แน่ชัด จึงเป็นความประมาทเลินเล่อของทนายจำเลย และตามป.วิ.พ. มาตรา 183 วรรคสอง บัญญัติให้คู่ความมาศาลในวันชี้สองสถานถ้า คู่ความฝ่ายใดไม่มาศาลให้ถือว่าทราบกระบวนพิจารณาของศาลในวันนั้นแล้ว ดังนั้น การที่จำเลยไม่มาศาลตามกำหนดนัดสืบพยานโจทก์จำเลยจึงขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ จำเลยจะอ้างว่าฟังเวลาจากเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ ผิดไปหาได้ไม่.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องบังคับจำเลยให้รับผิดชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ จำเลยขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 155,750 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15ต่อปี ของต้นเงิน 89,000 บาท
จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยไม่ได้จงใจหรือเจตนาขาดนัดพิจารณาจำเลยมีทั้งบุคคลและเอกสารเป็นพยาน หากจำเลยมีโอกาสนำพยานหลักฐานมาสืบหักล้าง จำเลยมีโอกาสชนะคดี ขอให้ศาลทำการไต่สวนและมีคำสั่งให้พิจารณาคดีนี้ใหม่
โจทก์ยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นให้งดไต่สวนคำร้องและมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามคำร้องของจำเลยข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในวันนัดชี้สองสถานทนายจำเลยไปศาลช้า ศาลจึงนัดสืบพยานโจทก์ไปโดยนัดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2532 เวลา 9 นาฬิกา เมื่อจำเลยไปถึงศาลจำเลยเพียงแต่สอบถามเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ ไม่ได้ตรวจดูรายงานกระบวนพิจารณาของศาลและลงลายมือชื่อเมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ทนายจำเลยไม่มา ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาทำการสืบพยานโจทก์และพิพากษาในวันเดียวกัน ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามฟ้อง มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยขาดนัดพิจารณาโดยจงใจหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ทนายจำเลยมาศาลในวันนัดชี้สองสถานแม้จะมาช้าทนายจำเลยก็น่าจะได้ขอตรวจดูสำเนาว่าศาลนัดสืบพยานโจทก์วันเวลาอะไรให้แน่ชัดแต่กลับไม่กระทำจึงเป็นความประมาทเลินเล่อของทนายจำเลยประการหนึ่ง และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 183 วรรคสอง ซึ่งแก้ไขใหม่ก็บัญญัติไว้ชัดแจ้งว่าให้คู่ความมาศาลในวันชี้สองสถาน ถ้าคู่ความฝ่ายใดไม่มาศาลให้ถือว่าทราบกระบวนพิจารณาของศาลในวันนั้นแล้ว ดังนั้น เมื่อศาลได้กำหนดวันเวลานัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ศาลทำการชี้สองสถานว่า ให้นัดสืบพยานโจทก์วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2532 เวลา 9 นาฬิกา ต้องถือว่าจำเลยทราบวันเวลานัดสืบพยานโจทก์ของศาลแล้วเมื่อจำเลยไม่มาศาลตามวันเวลานัดสืบพยานโจทก์ตามที่ศาลกำหนด จำเลยจึงขาดนัดพิจารณาโดยจงใจจำเลยจะอ้างว่าฟังเวลาจากเจ้าหน้าที่หน้าบังลังก์ผิดไปหาได้ไม่ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมานั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน.

Share