คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1334/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลรัษฎากร ให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจแก้จำนวนเงินที่ประเมินแล้วแจ้งให้เสียภาษีเพิ่มได้ตามวิธีการที่กฎหมายบัญญัติไว้ ผู้รับแจ้งมีหน้าที่ต้องชำระเงินตามที่เจ้าพนักงานแจ้งให้ทราบ เว้นแต่ผู้รับแจ้งจะได้อุทธรณ์หรือฟ้องต่อศาลแล้วกรรมการพิจารณาอุทธรณ์หรือศาลจะมีคำวินิจฉัยหรือคำพิพากษาเป็นอย่างอื่น ฉะนั้น เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องก็ย่อมเป็นการกล่าวอ้างว่า การเรียกเก็บภาษีของจำเลยซึ่งมีผลอยู่นั้นเป็นการไม่ถูกต้อง จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบว่าเป็นจริงดังที่โจทก์กล่าวอ้าง โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ ด้วยความเห็นชอบของจำเลยที่ ๑ ได้มีหนังสือให้โจทก์เสียภาษีเงินได้เพิ่มเติมกับเงินเพิ่ม โจทก์ไม่เห็นด้วย จึงอุทธรณ์ต่อจำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๓ ได้ยกอุทธรณ์โจทก์ ขอให้ศษลพิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยที่ให้โจทก์เสียภาษีเงินได้เพิ่มเติมกับเงินเพิ่ม เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยกระทำหน้าที่โดยชอบด้วระเบียบและกฎหมาย รายการที่โจทก์ทำขึ้นเพื่อคำนวณภาษีเงินได้บ่ายเบี่ยงเพื่อหลีกเลี่ยงให้เสียน้อยลง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า โจทก์ฟ้องจำเลยได้ แต่ความเห็นและคำสั่งของเจ้าพนักงานภาษีเงินได้ทำไปโดยถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายแล้ว
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ฎีกาประเด็นเรื่องเรียกเก็บภาษ๊จากโจทก์เป็นการถูกต้องหรือไม่ เป็นหน้าที่ของจำเลยต้องนำสืบก่อน ตามประมวลรัษฎากรให้อำนาจเจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจแก้จำนวนเงินที่ประเมินแล้วแจ้งให้เสียภาษีเพิ่มได้ตามวิธีการที่กฎหมายบัญญัติไว้ ผู้รับแจ้งมีหน้าที่ต้องชำระเงินตามที่เจ้าพนักงานแจ้งให้ทราบ เว้นแต่ผู้รับแจ้งจะได้อุทธรณ์หรือฟ้องต่อศาลแล้วกรรมการพิจารณาอุทธรณ์หรือศาลจะมีคำวินิจฉัยหรือคำพิพากษาเป็นอย่างอื่น ฉะนั้น เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องก็ย่อมเป็นการกล่าวอ้างว่าการเรียกเก็บภาษีของจำเลยซึ่งมีผลอยู่นั้นเป็นการไม่ถูกต้องจึงเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบว่าเป็นจริงดังที่โจทก์กล่าวอ้าง โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบก่อน
ที่โจทก์ฎีกาว่า ควรฟังข้อเท็จจริงตามที่โจทก์นำสืบว่าจำนวนแร่รายพิพาทโจทกืได้ซื้อแร่จากบุคคลอื่น ไม่ใช่เป็นแร่ที่โจทก์ขุดได้จากเหมืองของโจทก์ พยานหลักฐานของโจทก์สับสนขัดกันเองและมีพิรุธ ไม่อาจรับฟังเพื่อชี้ว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินไม่ชอบอย่างใดเพียงไร
ที่โจทก์ฎีกาเกี่ยวกับเงินค่าขายสิทธิการทำเหมืองแร่ว่า แม้ทำสัญญาซื้อขายกันในราคา ๕๐๐,๐๐๐ บาท แต่โจทก์ได้รับเงินเพียง ๔๘๐,๐๐๐ บาทนั้น ไม่มีบันทึกหรือทำเอกสารลดราคาให้แก่กัน และก็ไม่ปรากฏว่าฝ่ายผู้ซื้อขอผัดชำระราคาหรือไม่ยอมชำระราคาให้ การนำสืบของโจทก์ในเรื่องนี้จึงรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับเงินจากการขายทรัพย์สินไม่ครบตามสัญญาซื้อขาย
ที่โจทก์ฎีกาว่า ค่าทนายศาลชั้นต้นให้โจทก์ใช้แทนจำเลยนั้น มากไปนั้น ไม่เกินสมควร
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share