แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในอุทธรณ์ของโจทก์ในวันเดียวกับวันที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ว่า “รับเป็นอุทธรณ์ของโจทก์ สำเนาให้จำเลยแก้ใน15 วัน โดยให้โจทก์ส่งภายใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน7 วันนับแต่วันส่งไม่ได้” ต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงว่า จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลแพ่งธนบุรีขอให้ศาลชั้นต้นมีหนังสือไปยังศาลแพ่งธนบุรีเพื่อดำเนินการส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์ให้จำเลย โดยโจทก์แนบตั๋วแลกเงินไปรษณีย์มาพร้อมคำแถลง ศาลชั้นต้นจัดการให้ ต่อมาศาลแพ่งธนบุรีได้มีหนังสือแจ้งให้ศาลชั้นต้นทราบว่าได้จัดการส่งหมายนัดและสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้จำเลยแล้ว แต่ส่งไม่ได้พร้อมกับส่งหลักฐานรายงานการส่งหมายของเจ้าพนักงานให้ศาลชั้นต้นทราบด้วย ศาลชั้นต้นรับทราบแล้วมีคำสั่งอีกว่า “ให้โจทก์แถลงภายใน7 วัน” คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวนั้นมีความหมายว่าโจทก์ต้องทราบถึงผลของการส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ด้วยว่าส่งให้จำเลยไม่ได้แต่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นยังไม่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่าเจ้าพนักงานเดินหมายของศาลแพ่งธนบุรีส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีโอกาสทราบถึงการส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้จำเลย ดังนั้นแม้โจทก์มิได้แถลงให้ศาลชั้นต้นทราบตามเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งก็ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 164
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์โจทก์ ให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยภายใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงใน 7 วัน นับแต่ส่งไม่ได้หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งถือว่าทิ้งอุทธรณ์ ต่อมาวันที่ 23มกราคม 2535 เจ้าหน้าที่ส่งหมายรายงานผลการส่งหมายว่า ส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันที่ 28มกราคม 2535 ว่าให้โจทก์แถลงใน 7 วัน วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2535เจ้าหน้าที่รายงานว่าโจทก์ไม่มาแถลงภายในเวลาที่ศาลกำหนด
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ
โจทก์ทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในชั้นนี้มีปัญหาต้องวินิจฉัยเพียงว่าโจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์หรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่าวันที่โจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์ (วันที่ 30 ธันวาคม 2534) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า “…ฯลฯ…รับเป็นอุทธรณ์ของโจทก์ สำเนาให้จำเลยแก้ใน 15 วันโดยให้โจทก์นำส่งใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงใน 7 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ …ฯลฯ… หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งข้างต้น ถือว่าทิ้งอุทธรณ์” ต่อมาวันที่ 3 มกราคม 2535 โจทก์ได้ยื่นคำแถลงว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลแพ่งธนบุรี ขอให้ศาลชั้นต้นมีหนังสือไปยังศาลแพ่งธนบุรีเพื่อให้ดำเนินการส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์ให้จำเลยต่อไป โดยโจทก์ได้แนบตั๋วแลกเงินไปรษณีย์ 100 บาทมาพร้อมกับคำแถลงด้วยเพื่อเป็นค่าป่วยการของเจ้าพนักงานเดินหมายศาลชั้นต้นก็จัดการให้ตามคำแถลง ต่อมาวันที่ 23 มกราคม 2535ศาลแพ่งธนบุรีได้มีหนังสือแจ้งให้ศาลชั้นต้นทราบว่า ได้จัดการส่งหมายนัดและสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้จำเลยแล้ว แต่ส่งไม่ได้พร้อมกับส่งหลักฐานรายงานการส่งของเจ้าพนักงานให้ศาลชั้นต้นทราบด้วยศาลชั้นต้นรับทราบแล้วมีคำสั่ง (วันที่ 28 มกราคม 2535) อีกว่า”ให้โจทก์แถลงใน 7 วัน” คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวนั้น ศาลฎีกาเห็นว่ามีความหมายว่าโจทก์ต้องทราบถึงผลของการส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ด้วยว่าส่งให้จำเลยไม่ได้ แต่ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่าศาลชั้นต้นยังไม่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่าเจ้าพนักงานเดินหมายของศาลแพ่งธนบุรีส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้ ฉะนั้นโจทก์จึงไม่มีโอกาสทราบถึงผลของการส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้จำเลย ดังนั้นแม้โจทก์มิได้แถลงให้ศาลชั้นต้นทราบตามเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งก็ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำหน่ายคดีของโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ดำเนินการส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้แก่จำเลยใหม่แล้วดำเนินการต่อไป