แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องชัดแจ้งว่า ขอให้เปิดทางภารจำยอมถึงแม้จะมีความกล่าวว่าเป็นทางจำเป็นด้วยก็เป็นเพียงข้ออ้างว่านอกจากเป็นทางภารจำยอมแล้วยังเป็นทางจำเป็นอีกด้วย ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์กับพวกใช้ทางพิพาทเป็นประจำมาเกินกว่าสิบปีภารจำยอมย่อมเกิดขึ้นเป็นคุณแก่ที่ดินโจทก์แล้วการที่โจทก์ไม่ได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินผ่านตลอดปีหาทำให้การใช้ทางเดินนั้นขาดตอนไม่ติดต่อกันไม่ได้
(อ้างฎีกา 1318/2501)
เมื่อจำเลยอ้างว่าโจทก์ที่ดินในทางพิพาทโดยถือวิสาสะจำเลยต้องนำสืบข้ออ้าง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ใช้ทางเดินในที่ของจำเลยมากว่า 30 ปี แล้วจำเลยได้ขุดดินในทางพิพาททำเป็นสวนเสีย เป็นเหตุให้โจทก์ใช้ทางดังกล่าวไม่ได้ ขอให้ศาลพิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมและให้จำเลยทำทางดังกล่าวให้โจทก์เดินได้สะดวกหรือให้จำเลยขุดดินทำทางใหม่ให้โจทก์เดิน
จำเลยต่อสู้ว่า ไม่มีทางภารจำยอมผ่านที่ดินจำเลย โจทก์กับพวกเพิ่งถือวิสาสะเข้าเดินผ่านที่ดินของจำเลยเมื่อ 10 ปีเศษมานี้และเดินเฉพาะหน้าแล้งราว 4 เดือนเท่านั้นและเดินไม่ซ้ำทางกันทางผ่านที่ดินจึงไม่ใช่ทางภารจำยอม และตัดฟ้องว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมและฟังว่ามีทางภารจำยอม พิพากษาให้จำเลยเปิดทาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำบรรยายฟ้องของโจทก์มีความแจ้งชัดว่าเป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางภารจำยอม ถึงแม้จะมีความกล่าวว่าเป็นทางจำเป็นด้วย ก็เป็นเพียงข้ออ้างของโจทก์ว่า นอกจากเป็นทางภารจำยอมแล้วก็ยังเป็นทางจำเป็นอีกด้วยเท่านั้น ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ตามที่จำเลยว่าโจทก์ไม่ได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินผ่านตลอดปีแม้โจทก์จะใช้ทางพิพาทมากว่าสิบปีก็ยังไม่เกิดภารจำยอม เห็นว่าโจทก์กับพวกได้ใช้ทางพิพาทเป็นประจำมาเกินกว่าสิบปี ภารจำยอมย่อมเกิดขึ้นเป็นคุณแก่ที่ดินของโจทก์แล้ว การที่โจทก์กับพวกไม่ได้ใช้เดินเฉพาะฤดูที่จำเลยทำนานั้น หาทำให้การใช้ทางเดินนั้นขาดตอนไม่ติดต่อกันได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 1318/2501)
ที่จำเลยอ้างว่าโจทก์เดินในทางพิพาทโดยถือวิสาสะ จำเลยมิได้นำสืบถึงความข้อนี้ จึงฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย