แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อสัญญาตั้งผู้จัดการไว้หลายคนเพื่อกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นถ้าไม่มีข้อความให้อำนาจผู้จัดการแต่ผู้เดียวจัดการแทนผู้อื่นได้ดังนี้ ผู้จัดการแต่ผู้เดียวหามีสิทธิร้องขัดทรัพย์ต่อศาลเกี่ยวแก่ทรัพย์ที่ถูกยึดไม่
ย่อยาว
คดีนี้ได้ความว่าจำเลยได้ทำหนังสือประนอมหนี้ขึ้นฉะบับหนึ่งลงวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๘ โดยเจ้าหนี้ของจำเลยยอมสัญญารับชำระหนี้เป็นเงิน ๓๐๐๐๐ บาทจากการขายทรัพย์ของจำเลยได้ เงินจำนวนนี้ปรากฎว่าตกอยู่ที่คณะกรรมการจัดการชำระหนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลย คณะกรรมการนี้ปี อ. ส. แล ก.รวม ๓ คนซึ่งได้ถูกตั้งแต่งขึ้นโดยสัญญาฉะบับลงวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๘ ต่อมาจำเลยถูกฟ้องล้มละลาย เจ้าพนักงานรักษาทรัพย์จึงเรียกเงินรายนี้จาก อ.ต่อมาศาลได้พิพากษาให้ยกฟ้องในคดีล้มละลาย อ.จึงร้องขอรับเงินที่ส่งไว้คืน โจทก์คดีนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิของจำเลยได้ยึดเงินในจำนวนที่ อ.ได้ส่งไว้ต่อเจ้าพนักงานรักษาทรัพย์เป็นเงิน ๕๐๓๗ บาท ๙๙ สตางค์ ผู้ร้องคือ อ.ซ. แล ก.จึงร้องขัดทรัพย์ขึ้นมาขอให้ศาลสั่งถอนการยึดเงินจำนวนนี้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เงินนี้ตกอยู่แก่คณะกรรมการ ๆ ๓ คนนี้คือ อ. ส. แล ก.ซึ่งได้ตั้งขึ้นโดยสัญญาลงวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ แต่ในท้ายสัญญาที่ลงชื่อกรรมการจัดการนั้นกลับปรากฎว่า ส.มิได้ลงชื่อแต่ ซ.เป็นผู้ลงชื่อแทน จึงไม่ทำให้ ซ.เป็นกรรมการจัดการตามสัญญาด้วยคนหนึ่ง เห็นว่า อ. แล ก.แต่ ๒ คนในคณะกรรมการ ๓ คน หามีอำนาจยื่นคำร้องขัดทรัพย์รายนี้ได้ไม่ ตามประมวลแพ่งฯมาตรา ๘๐๔ ทั้งในสัญญาก็ไม่มีข้อความให้อำนาจไว้ให้กระทำเช่นนี้ได้ จึงพิพากษาให้ยกคำร้องขัดทรัพย์