คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 987/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ล. ภริยาจำเลยชวนผู้เสียหายไปรับประทานอาหารที่บ้าน ผู้เสียหายไม่ไปแต่พูดว่า “กินบนโต๊ะหรือกินบนหญ้า” ทำให้จำเลยเข้าใจว่าผู้เสียหายใช้คำพูดส่อเสียดล่วงเกินทางเพศกับภริยาจำเลย จำเลยจึงโกรธและกลับไปนำอาวุธมีดง้าวมาฟันผู้เสียหาย โดยมีช่วงระยะเวลาห่างกันเพียงประมาณ 5 นาที เท่านั้น พฤติการณ์เช่นนี้ย่อมชี้ชัดว่าเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องกระชั้นชิด มิได้มีช่วงระยะเวลาขาดตอนอันจะทำให้จำเลยมีโอกาสใช้เวลาใคร่ครวญไตร่ตรองแล้วจึงก่อเหตุขึ้น การกระทำของจำเลยจึงรับฟังมิได้ว่าจำเลยกระทำความผิดโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ (๔) , ๘๐ และนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีดังกล่าว
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ (๔) , ๘๐ ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ประกอบด้วยมาตรา ๕๓ คงจำคุก ๒๕ ปี นับโทษต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๓๓๕๓/๒๕๔๒ ของศาลชั้นต้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ ลงโทษจำคุก ๑๒ ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๖ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยกระทำผิดโดยไตร่ตรองไว้ก่อน อันเป็นความผิดโดยเหตุฉกรรจ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ (๔) หรือไม่ จากคำเบิกความของผู้เสียหาย ปรากฏว่า เหตุคดีนี้เกิดขึ้นจากการที่ผู้เสียหายใช้คำพูดซึ่งทำให้จำเลยเข้าใจว่าเป็นคำพูดที่ส่อเสียดล่วงเกินทางเพศแก่นางเล็กภริยาของจำเลย ซึ่งได้ไปพูดชักชวนผู้เสียหายกับพวกไปร่วมงานกินเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของนางเล็กโดยจัดงานที่บ้านของจำเลย และปรากฏจากคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกธีระ สูงยิ่ง พนักงานสอบสวนว่าได้สอบสวนผู้เสียหายและบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์คือนายประสงค์ ผิวขาวปลั่ง และนายมนูญ บุญล่า ว่า จำเลยไม่พอใจผู้เสียหายที่ใช้คำพูดไม่เหมาะสมกับนางเล็ก จำเลยขับรถจักรยานยนต์พานางเล็กกลับไป จากนั้นประมาณ ๕ นาที จำเลยก็ขับรถจักรยานยนต์กลับมาเพียงผู้เดียว โดยมีอาวุธมีดง้าวดังกล่าวมาด้วยและเกิดเหตุคดีนี้ขึ้น ตามคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหาย นายประสงค์และนายมนูญเอกสารหมาย จ. ๒ จ. ๕ และ จ. ๖ เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏรับฟังได้ว่า ก่อนหน้าที่จำเลยและนางเล็กจะพบกับผู้เสียหาย จำเลยไม่มีสาเหตุกับผู้เสียหายมาก่อน การที่จำเลยกระทำผิดคดีนี้ก็เพราะเหตุจากจำเลยเข้าใจว่าผู้เสียหายพูดใช้ถ้อยคำส่อเสียดล่วงเกินทางเพศกับนางเล็ก ทั้ง ๆ ที่จำเลยกับนางเล็กมีเจตนาดีต่อผู้เสียหาย จำเลยจึงโกรธและกลับไปนำอาวุธมีดง้าวมากระทำผิดคดีนี้ โดยมีช่วงระยะเวลาห่างกันเพียงประมาณ ๕ นาที เท่านั้น พฤติการณ์เช่นนี้ย่อมชี้ชัดว่าเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องกระชั้นชิด มิได้มีช่วงระยะเวลาขาดตอนอันจะทำให้จำเลยมีโอกาสใช้เวลาใคร่ครวญไตร่ตรองแล้วจึงก่อเหตุคดีนี้ขึ้น การกระทำของจำเลยจึงรับฟังมิได้ว่าจำเลยกระทำความผิดโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษาคดีชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share