แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
จำเลยลักเอาเงินจำนวน 2,051 บาท ขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยจากเครื่องโทรศัพท์สาธารณะที่ติดตั้งไว้ให้บริการแก่ประชาชนในเวลากลางคืน โดยใช้กุญแจและอุปกรณ์อื่นที่จัดเตรียมมาเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด และใช้จักรยานเป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด พาทรัพย์ไปและเพื่อให้พ้นการจับกุม พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยนอกจากจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อทรัพย์ที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ และอาจก่อให้เกิดความขัดข้องในการใช้โทรศัพท์สาธารณะของประชาชนทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอีกด้วย ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ 18 ปีเศษ นับว่าอยู่ในวัยที่มีวุฒิภาวะและมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีพอสมควรแล้ว แต่กลับกระทำความผิดดังกล่าวโดยไม่คำนึงถึงความสงบสุขของสังคมส่วนรวมจึงเป็นเรื่องที่ร้ายแรง ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้นเหมาะสมกับพฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้กุญแจพิเศษไขเครื่องโทรศัทพ์ในตู้โทรศัพท์สาธารณะจนเครื่องโทรศัพท์เสียหายเปิดออกเห็นกล่องชั้นในบรรจุเงินเหรียญต่างๆ อันเป็นการทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์แล้วลักเอาเงินเหรียญชนิดต่างๆ จำนวน 2,051 บาท ขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลของสำนักงานบริการโทรศัทพ์จัตุรัส อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ผู้เสียหายไปโดยทุจริตโดยในการลักทรัพย์ดังกล่าวจำเลยใช้รถจักรยาน 1 คัน เป็นยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การลักทรพัย์ การพาทรัพย์นั้นไป และเพื่อให้พ้นการจับกุม จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1349/2545 ของศาลชั้นต้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 335, 336 ทวิ, 33 ริบของกลางทั้งหมดนอกจากเงินเหรียญจำนวน 219 บาท นับโทษจำคุกของจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1349/2545 ของศาลชั้นต้น กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาเงินเหรียญจำนวน 1,832 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1), (3) วรรคสอง ประกอบมาตรา 336 ทวิ จำเลยอายุ 18 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 จำคุก 1 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 9 เดือน ริบของกลางทั้งหมดนอกจากเงินเหรียญจำนวน 219 บาท ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาเงินเหรียญจำนวน 1,832 บาท แก่ผู้เสียหาย ส่วนคำขอให้นับโทษต่อให้ยก เพราะศาลรอการลงโทษใคดีดังกล่ว
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า จำเลยลักเอาเงินจำนวน 2,051 บาท ขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยจากเครื่องโทรศัพท์สาธารณะที่ติดตั้งไว้ให้บริการแก่ประชาชนในเวลากลางคืน โดยใช้กุญแจและอุปกรณ์อื่นที่จัดเตรียมมาเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด และใช้รถจักรยานเป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด พาทรัพย์ไปและเพื่อให้พ้นการจับกุมอีกด้วย พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลย นอกจากก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อทรัพย์ที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์และอาจก่อให้เกิดความขัดข้องในการใช้โทรศัพท์สาธารณะของประชาชน ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอีกด้วย ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ 18 ปีเศษ นับว่าอยู่ในวัยที่วุฒิภาวะและมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีพอสมควรแล้ว แต่กลับกระทำความผิดดังกล่าวโดยไม่คำนึงถึงความสงบสุขของสังคมส่วนรวม จึงเป็นเรื่องที่ร้ายแรง ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน