คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1181/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาซื้อขายน้ำจากเหมืองฝายอันมีลักษณเป็นการชลประทานนั้นหากการทำเหมืองฝายรายนี้ผู้ทำมิได้รับสัมปทานสัญญาซื้อขายน้ำย่อมเป็นโมฆะตาม ม.113 แห่งประมวลแพ่งฯ ประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง ม.183-186 รับโจทก์ฟ้องคดีเกี่ยวกับเรื่องเหมืองฝายจำเลยต่อสู้ว่าเหมืองฝายของโจทก์มีลักษณเป็นการชลประทาน ฝ่ายโจทก์ก็รับในคำแถลงการณ์ชั้นศาลชั้นต้นว่าการเหมืองฝายเรียกได้ว่าเป็นการชลประทานเช่นนี้ประเด็นย่อมเป็นอันยุตติว่าการเหมืองฝายเป็นการชลประทานจริงดังคำรับของโจทก์

ย่อยาว

ได้ความว่าโจทก์มีเหมืองฝายอยู่แห่งหนึ่งซึ่งโจทก์รับในชั้นศาลต้นว่าเหมืองฝายรายนี้พอจะเรียกว่าเป็นการชลประทานได้และเมื่อชาวนารายใดต้องการน้ำโจทก์ก็ระบายน้ำไปให้ แต่ต้องเสียค่าน้ำให้โจทก์ก็ระบายน้ำไปให้ แต่ต้องเสียค่าน้ำให้โจทก์ตามสัญญา จำเลยได้เข้าทำสัญญาซื้อน้ำจากโจทก์เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๖ แต่ไม่ชำระค่าน้ำให้โจทก์ ๆ จึงฟ้องเรียก
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเรื่องนี้เมื่อโจทก์รับว่าเหมืองฝายรายนี้เป็นการชลประทานแล้ว ศาลก็ต้องฟังว่าการค้าของโจทก์เป็นการชลประทานจริง ประเด็นจึงมีข้อเดียวว่าโจทก์ได้รับสัมปทานหรือไม่ โจทก์อ้างว่าโจทก์ได้รับคำสั่งจากจังหวัดให้ทำสัญญาจ่ายน้ำให้ราษฎรได้ จึงเรียกได้ว่าเป็นการให้สัมปทาน แต่ศาลเห็นว่าคำสั่งเช่นนี้ไม่เป็นการให้สัมปทานตามความหมายในมาตรา ๔ แห่งพ.ร.บ.ควบคุมกิจการค้า ฯลฯ ๒๔๗๐ เมื่อการค้าของโจทก์เป็นชนิดที่ต้องได้รับสัมปทานจึงจะทำได้เช่นนี้การค้าของโจทก์ในกรณีนี้จีงเป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย สัญญาที่โจทก์อ้างจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลแพ่งฯ ม.๑๑๓ จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นที่ให้ยกฟ้องโจทก์

Share