คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นได้ให้โอกาสแก่จำเลยจำเลยถึง 3 ครั้ง เพื่อให้ดำเนินการให้ได้พยานบุคคลมาศาลเพื่อไต่สวนซึ่งในแต่ละครั้งศาลชั้นต้นได้กำชับจำเลยให้รีบดำเนินการเพื่อให้นำพยานมาศาลในวันนัด แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงวันนัดจำเลยไม่สามารถนำพยานมาศาลได้เลย ทั้งเหตุผลที่ไม่สามารถนำพยานมาได้ก็คงเป็นเหตุผลเดียวกันทุกครั้งคือติดขัดด้วยระเบียบของทางราชการ แต่จำเลยก็หาได้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้ได้ตัวพยานมาศาล ทั้งมิได้แถลงให้ศาลทราบว่าจะสามารถติดตามพยานมาไต่สวนได้หรือไม่ เมื่อใด เห็นได้ชัดว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดี ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนพยานจำเลยต่อไปอีก โดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบและให้งดไต่สวนพยานจำเลยนั้น ชอบด้วยรูปคดีแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยยื่นคำร้องขอโอนคดีไปพิจารณาที่ศาลจังหวัดพิษณุโลกแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว โดยอ้างว่าขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ 17 ปี 7 เดือน เกิดเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2525 ระหว่างไต่สวนคำร้อง จำเลยขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นเห็นว่าพฤติการณ์ส่อแสดงว่าจำเลยประวิงคดีและสั่งงดไต่สวนพยานจำเลย แล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ปัญหาข้อแรกที่จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลย และมีคำสั่งงดไต่สวนพยานจำเลยเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะสั่งงดไต่สวนพยานจำเลย ศาลชั้นต้นได้ให้โอกาสแก่จำเลยถึง 3 ครั้ง เพื่อให้ดำเนินการให้ได้พยานบุคคลมาศาลเพื่อไต่สวน ซึ่งในแต่ละครั้งศาลชั้นต้นได้กำชับจำเลยให้รีบดำเนินการเพื่อให้นำพยานมาศาลในวันนัด แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงวันนัดจำเลยไม่สามารถนำพยานมาศาลได้เลย ทั้งเหตุผลที่ไม่สามารถนำพยานมาได้ก็คงเป็นเหตุผลเดียวกันทุกครั้งคือติดขัดด้วยระเบียบของทางราชการ แต่จำเลยก็หาได้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้ได้ตัวพยานมาศาล ทั้งมิได้แถลงให้ศาลทราบว่าสามารถติดตามพยานมาไต่สวนได้หรือไม่ เมื่อใด ตามพฤติการณ์ดังกล่าวเห็นได้ชัดว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดี ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนพยานจำเลยต่อไปอีก โดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบและให้งดไต่สวนพยานจำเลยนั้น ชอบด้วยรูปคดีแล้ว ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาข้อต่อไปที่จำเลยฎีกาขอให้โอนคดีไปพิจารณาที่ศาลจังหวัดพิษณุโลกแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว โดยอ้างว่าขณะเกิดเหตุที่จำเลยถูกจับกุม จำเลยมีอายุเพียง 17 ปีเศษ ยังเป็นเยาวชนอยู่นั้น เห็นว่า ในชั้นไต่สวนจำเลยและพยานจำเลยเบิกความลอยๆ ว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยมีอายุเพียง 17 ปีเศษ โดยไม่ได้นำพยานเอกสารของทางราชการมาแสดงให้เห็นว่าขณะเกิดเหตุจำเลยมีอายุเพียง 17 ปีเศษ ยังเป็นเยาวชนอยู่ ขัดแย้งกับสำเนาทะเบียนบ้านของจำเลยตามเอกสารหมาย ล.5 ซึ่งระบุชัดเจนว่าจำเลยเกิดวันที่ 2 เมษายน 2523 นับถึงวันเกิดเหตุจำเลยมีอายุครบ 20 ปี แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องในข้อนี้มานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน”
พิพากษายืน

Share