คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศ. เป็นบุคคลล้มละลายได้มอบอำนาจให้โจทก์โอนที่ดินที่มีโฉนดและมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) รวมจำนวน45 แปลงให้โจทก์ โดยอ้างว่า ศ. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองในที่ดินดังกล่าวแทนโจทก์ การที่ศ. มีชื่อในโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์นั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1773 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า บุคคลผู้มีชื่อในทะเบียนเป็นผู้มีสิทธิครอบครองดังนั้น ที่ดินทั้ง 45 แปลงดังกล่าวจึงเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 109(1)เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวที่จะจำหน่ายหรือจัดการทรัพย์สินนั้น ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 22(1)ศ.บุคคลล้มละลายไม่มีอำนาจกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตนตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 24 ศ. จึงไม่มีอำนาจทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์เป็นตัวแทนโอนที่ดินเป็นของโจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนด 38 แปลง และที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ 7 แปลง รวม 45 แปลง ที่ดินตั้งอยู่หมู่ที่ 7 ตำบลไม้งา อำเภอเมืองตาก จังหวัดตากที่ดินทั้ง 45 แปลงโจทก์ได้ให้นางศิริพร อุงศิริสาโรช หรือสอนสุวิทย์ ตัวแทนโจทก์เป็นผู้มีชื่อในโฉนดและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เมื่อวันที่21 กันยายน 2532 โจทก์และนางศิริพรโดยนางอรวรรณ มาลีผู้รับมอบอำนาจได้ไปยื่นคำขอจดทะเบียนโอนที่ดินมีโฉนดจำนวน38 แปลง ต่อจำเลยที่ 2 และได้ไปยื่นคำขอจดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองในที่ดิน น.ส.3 ก. จำนวน 7 แปลง ต่อจำเลยที่ 3 เพื่อเปลี่ยนแปลงชื่อในโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์จากนางศิริพรตัวแทนโจทก์มาเป็นชื่อของโจทก์ซึ่งเป็นตัวการ ต่อมาวันที่ 25 เมษายน 2533 จำเลยที่ 2 ได้มีหนังสือที่ ตก 0020/1305แจ้งให้โจทก์และนางศิริพรทราบว่าไม่สามารถที่จะโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินจากนางศิริพรตัวแทนมาเป็นชื่อของโจทก์ซึ่งเป็นตัวการได้โดยจำเลยที่ 2 ได้รับแจ้งมาจากจำเลยที่ 1 ว่านางศิริพรเป็นบุคคลล้มละลายไม่มีอำนาจกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตนเองเว้นแต่จะได้กระทำตามคำสั่งของศาล เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้จัดการทรัพย์ หรือที่ประชุมเจ้าหนี้ ส่วนจำเลยที่ 3 ก็ปฏิเสธไม่ยอมดำเนินการจดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองในที่ดิน น.ส.3 ก. จากนางศิริพรให้แก่โจทก์ โดยอ้างเหตุผลอย่างเดียวกัน คำสั่งของเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดตากดังกล่าวนั้นเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะที่ดินทั้ง 45 แปลง เป็นของโจทก์ซึ่งเป็นตัวการมิใช่ทรัพย์สินของนางศิริพรลูกหนี้ในคดีล้มละลาย นางศิริพรตัวแทนโจทก์จึงโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิทธิครอบครองในที่ดินทั้ง 45 แปลง แก่โจทก์ซึ่งเป็นตัวการได้ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนยกเลิกคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดตากที่ ตก 0020/1305 ลงวันที่ 25 เมษายน 2533 ที่ให้งดจดทะเบียนโอนที่ดินจำนวน 45 แปลง จากนางศิริพร อุงศิริสาโรช หรือสอนสุวิทย์เป็นชื่อของนางอรวรรณ มาลี โจทก์ ให้จำเลยที่ 1สั่งให้จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 จดทะเบียนโอนที่ดินจำนวน 45 แปลงจากนางศิริพร อุงศิริสาโรชหรือสอนสุวิทย์เป็นชื่อของนางอรวรรณ มาลี โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การในทำนองเดียวกันว่า นับแต่ที่โจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนโอนที่ดินมีโฉนดทั้ง 38 แปลงต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดตาก และยื่นคำขอจดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองที่ดิน น.ส.3 ก.ทั้ง 7 แปลง ต่อสำนักงานที่ดินอำเภอเมืองตากแล้ว จำเลยที่ 2ได้รวบรวมพยานหลักฐานของโจทก์และได้ความว่านางศิริพรอุงศิริสาโรชหรือสอนสุวิทย์ เป็นบุคคลล้มละลายตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดตากในคดีหมายเลขแดงที่ ล.2/2527 จำเลยที่ 2และเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอเมืองตาก จึงได้มีหนังสือหารือไปยังกรมที่ดินจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 มีหนังสือหารือกรมบังคับคดีกระทรวงยุติธรรม แล้วมีความเห็นพ้องต้องกันว่า อำนาจในการจัดกิจการและทรัพย์สินของบุคคลล้มละลายทั้งปวงตกแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว นางศิริพรซึ่งเป็นบุคคลล้มละลายไม่อาจมอบอำนาจให้โจทก์ไปยื่นคำขอจดทะเบียนโอนที่ดินเพราะเป็นการจัดการทรัพย์สินอย่างหนึ่ง ใบมอบอำนาจดังกล่าวไม่สมบูรณ์จำเลยที่ 1 แจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบ จำเลยที่ 2 และเจ้าหน้าที่บริหารที่ดินอำเภอเมืองตากไม่ดำเนินการจดทะเบียนให้และได้มีหนังสือแจ้งให้นางศิริพรทราบ การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2และเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอเมืองตากจึงชอบด้วยกฎหมายขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งงดชี้สองสถานและงดสืบพยานโจทก์พยานจำเลยและพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติได้ตามคำฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยทั้งสามว่า นางศิริพรเป็นบุคคลล้มละลายตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดตากในคดีหมายเลขแดงที่ ล.2/2527ได้มอบอำนาจให้โจทก์โอนที่ดินที่มีโฉนดที่ดินจำนวน 38 แปลง ต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดตาก และให้โอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) จำนวน 7 แปลง ต่อสำนักงานที่ดินอำเภอเมืองตากให้โจทก์โดยอ้างว่านางศิริพรเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองในที่ดินดังกล่าวแทนโจทก์ จำเลยที่ 2 ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดตากและจำเลยที่ 3 เป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอเมืองตาก เห็นว่านางศิริพรเป็นบุคคลล้มละลายไม่สามารถทำนิติกรรมได้ จึงหารือไปยังกรมที่ดินจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้หารือไปยังกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรมแล้วมีความเห็นพ้องกันว่า นางศิริพรซึ่งเป็นบุคคลล้มละลายไม่อาจทำนิติกรรมเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของตนได้ จำเลยที่ 2และที่ 3 จึงไม่ยอมจดทะเบียนโอนที่ดินให้โจทก์ ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า การที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ยอมจดทะเบียนโอนที่ดินให้โจทก์ตามหนังสือมอบอำนาจของนางศิริพรเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาอ้างเหตุว่าที่ดินมีโฉนดและที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)รวม 45 แปลง โจทก์มีกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครอง เพียงแต่นางศิริพรถือไว้แทนโจทก์เท่านั้น นางศิริพรจึงมีอำนาจจัดการได้เพราะตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 24 ห้ามบุคคลล้มละลายจัดการทรัพย์สินที่เป็นของตนเองเท่านั้น ไม่ได้ห้ามในการที่บุคคลล้มละลายจัดการทรัพย์สินของผู้อื่น เห็นว่า การที่นางศิริพรมีชื่อในโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) นั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1373 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า บุคคลผู้มีชื่อในทะเบียนเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง ดังนั้นที่ดินทั้ง 45 แปลง จึงเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 109(1) เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวที่จะจำหน่ายหรือจัดการทรัพย์สินนั้นตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย มาตรา 22(1) นางศิริพรบุคคลล้มละลายไม่มีอำนาจกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตนตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย มาตรา 24 จึงไม่มีอำนาจทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์เป็นตัวแทนโอนที่ดินเป็นของโจทก์ได้ จำเลยที่ 2 และที่ 3ไม่จดทะเบียนโอนที่ดินให้โจทก์ตามหนังสือมอบอำนาจของนางศิริพรบุคคลล้มละลายชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share