แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันประกอบกิจการขนส่งและรับส่งสินค้าเม็ดกาแฟดิบของโจทก์ เมื่อสินค้าที่รับขนส่งถูกลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการขนส่งลักไปในระหว่างการขนส่ง ถือได้ว่าการขนส่งดังกล่าวมีการทุจริตของ ผู้ขนส่งแม้โจทก์จะฟ้องคดีเกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ควรจะส่งมอบ คดีของโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 624
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ขนส่งจำเลยที่ 3 และที่ 4 ในฐานะผู้ขนส่งและเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 5 และที่ 6 ต้องร่วมกับจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 ชำระค่าเสียหายในค่าเมล็ดกาแฟดิบเป็นเงินจำนวน 728,581 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีจากต้นเงินจำนวน 677,225 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 5 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 7 ขาดนัดยื่นคำให้การ
ระหว่างพิจารณา ก่อนสืบพยาน โจทก์ยื่นคำบอกกล่าวขอถอนฟ้องจำเลยที่ 6 ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 6 ออกเสียจากสารบบความ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 5 ร่วมกันชำระเงิน 627,189 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2537 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 5 ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 7,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนเท่าที่โจทก์ชนะคดี คำขออื่นให้ยก และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 4 และที่ 7 ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนของจำเลยที่ 2 ที่ 4 และ ที่ 7 ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 5,000 บาท แทนโจทก์
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์ว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 ขนเมล็ดกาแฟดิบของโจทก์ แต่จำเลยที่ 1 ไม่มีรถยนต์บรรทุกจึงติดต่อว่าจ้างให้จำเลยที่ 3 จัดหารถยนต์บรรทุกมาบรรทุกเมล็ดกาแฟดิบให้โจทก์ จำเลยที่ 3 ได้นำรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 70 – 4497 กรุงเทพมหานคร มารับจ้างบรรทุกเมล็ดกาแฟดิบของโจทก์เพื่อนำส่งโกดังสินค้าที่กรุงเทพมหานคร ระหว่างทางจำเลยที่ 5 ผู้ควบคุมรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวได้ร่วมกับพวกลักเม็ดกาแฟดิบของโจทก์ไป คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624 เห็นว่า ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวบัญญัติไว้ว่า “ในข้อความรับผิดของผู้ขนส่งในการที่ของสูญหายหรือบุบสลายหรือส่งชักช้านั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดปีหนึ่งนับแต่ส่งมอบ หรือปีหนึ่งนับแต่วันที่ควรจะได้ส่งมอบ เว้นแต่ในกรณีที่มีการทุจริต” เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันประกอบกิจการขนส่งสินค้าเม็ดกาแฟดิบของโจทก์ โดยมีจำเลยที่ 5 ลูกจ้างของจำเลยที่ 3 เป็นผู้ควบคุมรถบรรทุกที่ใช้ในการขนส่ง เมื่อจำเลยที่ 5 ได้ร่วมกับพวกกลักเอาเมล็ดกาแฟดิบของโจทก์ไปในระหว่างการขนส่งถือได้ว่าการขนส่งดังกล่าวมีการทุจริตของผู้ขนส่งจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ร่วมขนส่งจึงต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินค้าที่สูญหายแก่โจทก์ด้วย ดังนั้นโจทก์แม้จะฟ้องคดีเกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2537 ซึ่งเป็นวันที่ควรจะส่งมอบคดีของโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624 ดังกล่าว ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 5,000 บาท แทนโจทก์