คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3304/2533

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การรวมกลุ่มกันเป็นองค์กรไม่ว่าจะมีกฎหมายรับรองหรือไม่ก็ตาม การดำเนินการขององค์กรนั้นก็ต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายในข้อที่จะต้องไม่กระทำการให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นการที่ผู้คัดค้านแถลงข่าวกล่าวหาว่าผู้ร้องหลอกลวงประชาชนโดยมิได้เป็นความจริง ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้แถลงข่าวดังกล่าวไม่ว่าในฐานะใดจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำอันเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้องไม่มีบทกฎหมายใดที่ผู้คัดค้านจะยกขึ้นอ้างเพื่อยกเว้นให้พ้นผิดได้ ทั้งในขณะแถลงข่าวนั้น ผู้คัดค้านยังคงมีฐานะเป็นพนักงานของผู้ร้องอยู่ ผู้คัดค้านจะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับของผู้ร้องในเรื่องนี้ ฉะนั้นแม้ผู้คัดค้านจะแถลงข่าวในฐานะของสมาชิกกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ก็ไม่มีอำนาจกระทำได้โดยไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบของผู้ร้อง การกระทำของผู้คัดค้านก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้องอย่างร้ายแรง จึงเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า นายสวัสดิ์ หนูขาว เป็นพนักงานของผู้ร้องและเป็นกรรมการลูกจ้าง ได้กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงในกรณีให้ข้อความแก่หนังสือพิมพ์ เสนอบทความและออกอากาศทางโทรทัศน์ในสิ่งที่เกี่ยวกับงานของผู้ร้องโดยมิได้รับอนุญาตจากผู้ว่าการ เป็นเหตุให้ผู้ร้องเสียหายอย่างร้ายแรง โดยให้ข้อความว่า ผู้ร้องหลอกลวงประชาชนนำเหล็กธรรมดามาจำหน่ายเป็นเหล็กน้ำพี้ ผู้ร้องได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามข้อบังคับของผู้ร้องว่าด้วยระเบียบวินัย การลงโทษ และการอุทธรณ์การลงโทษของพนักงานและลูกจ้าง พ.ศ. 2524 แล้วคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่านายสวัสดิ์กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงมีพฤติการณ์แสดงว่าเจตนาฝ่าฝืนข้อบังคับของผู้ร้องและมติคณะรัฐมนตรี จงใจให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง และประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงขอให้ศาลแรงงานกลางอนุญาตตามความในมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 ให้ผู้ร้องสั่งลงโทษนายสวัสดิ์กรรมการลูกจ้าง โดยให้ไล่ออกตั้งแต่วันที่ 20มีนาคม 2532 ซึ่งเป็นวันยื่นคำร้อง นายสวัสดิ์ หนูขาว ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 26 มกราคม2532 นั้น เป็นการแถลงในฐานะที่เป็นประธานสหภาพแรงงานสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่ แห่งประเทศไทย ซึ่งเข้าประชุมเพื่อร่วมแถลงข่าวของกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ในฐานะที่ผู้คัดค้านเป็นตัวแทนของสหภาพแรงงานและสมาชิกของกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ทั้งนี้เพื่อปกป้องรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติตามวัตถุประสงค์ของกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ที่เห็นว่า การผลิตดาบน้ำพี้ของผู้ร้องนั้นมีเงื่อนงำส่อเค้าไม่สุจริต ทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อว่าดาบน้ำพี้เป็นวัตถุมงคล ตามความเชื่อถือมาแต่โบราณ แต่ความจริงแล้วเป็นดาบที่ทำจากเหล็กธรรมดาเท่านั้น การแถลงเรื่องดังกล่าวนั้นผู้คัดค้านมิได้กระทำในฐานะพนักงานของผู้ร้อง จึงไม่อยู่ในข้อบังคับของผู้ร้องที่ผู้คัดค้านจะต้องขออนุญาตก่อน ผู้ร้องไม่มีอำนาจตั้งกรรมการสอบสวนผู้คัดค้าน การที่ผู้ร้องนำเหตุการณ์ในกรณีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2532มาเป็นเหตุร้องต่อศาลเป็นการกลั่นแกล้งผู้คัดค้าน เนื่องจากผู้ร้องมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้คัดค้านหลายประการ ขอให้ยกคำร้องศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องลงโทษ นายสวัสดิ์ หนูขาวกรรมการลูกจ้างผู้คัดค้านโดยให้เลิกจ้างได้ให้มีผลนับแต่ผู้ร้องมีคำสั่งภายหลังศาลมีคำสั่งเป็นต้นไป ผู้คัดค้านอุทธรณ์ ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ผู้คัดค้านอุทธรณ์ในประการที่ห้าว่า ผู้คัดค้านได้แถลงข่าวในฐานะของสมาชิกกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และมีอำนาจที่จะกระทำได้นั้นเห็นว่า การรวมกลุ่มกันเป็นองค์กรไม่ว่าจะเป็นองค์กรที่ชอบด้วยกฎหมายหรือองค์กรที่มิได้มีกฎหมายรับรองก็ตาม การก่อให้เกิดองค์กรนั้น ๆ ขึ้นมาไม่ว่าจะรวมกลุ่มของสมาชิกจำนวนมากน้อยเท่าใด มีองค์กรย่อยเข้ามาเป็นสมาชิกมากมายเพียงใด การดำเนินการขององค์กรนั้นก็มิได้อยู่นอกเหนือบทบัญญัติของกฎหมายในข้อที่จะต้องไม่กระทำการให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น เมื่อข้อเท็จจริงยุติตามที่ศาลแรงงานกลางฟังมาว่า ผู้คัดค้านแถลงข่าวกล่าวหาว่าผู้ร้องหลอกลวงประชาชนโดยที่มิได้เป็นความจริงผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้แถลงข่าวดังกล่าวไม่ว่าในฐานะใดก็จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำอันเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้อง จะอ้างฐานะใดฐานะหนึ่งมาเป็นข้อยกเว้นให้ตนซึ่งเป็นผู้กระทำการอันก่อให้เกิดความเสียหายพ้นความรับผิดหาได้ไม่และไม่มีบทกฎหมายใดที่ผู้คัดค้านจะยกขึ้นมาอ้างให้พ้นผิดได้ทั้งในขณะที่ผู้คัดค้านแถลงข่าวนั้น ผู้คัดค้านก็ยังคงมีฐานะเป็นพนักงานของผู้ร้องอยู่ ซึ่งผู้คัดค้านจะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับของผู้ร้องในเรื่องนี้ด้วย ที่ผู้คัดค้านอุทธรณ์ว่าตนสามารถทำได้โดยไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบของผู้ร้องนั้นฟังไม่ขึ้น
ผู้คัดค้านอุทธรณ์ในประการที่หกว่า การแถลงข่าวของผู้คัดค้านไม่เป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงขึ้น เห็นว่า ในเรื่องการแถลงข่าวเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของผู้ร้องนั้น มีข้อบังคับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการปฏิบัติงานของพนักงาน พ.ศ. 2525 ข้อ 9 ระบุว่า “พนักงานจะต้องได้รับอนุญาตล่วงหน้าจากผู้ว่าการก่อนที่จะให้ข้อความแก่หนังสือพิมพ์ หรือแสดงปาฐกถาเสนอบทความ การออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ หรือกล่าวคำปราศรัยในส่วนที่เกี่ยวกับงานของสถาบันอันเป็นการเผยแพร่ต่อบุคคลหรือสาธารณชนภายนอก”ดังนั้นการที่ผู้ร้องแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของสถาบันผู้ร้อง โดยมิได้รับอนุญาตจากผู้ว่าการก่อนจึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนข้อบังคับดังกล่าวทั้งข้อความที่ผู้คัดค้านแถลงนั้นเป็นการแถลงกล่าวหาว่าผู้ร้องกระทำการอันเป็นการหลอกลวงประชาชนโดยที่ผู้ร้องมิได้กระทำการในลักษณะเช่นนั้น เห็นได้ว่า ผู้ร้องเป็นสถาบันที่จะต้องอยู่ในความเชื่อถือในทางวิชาการ การกล่าวหาว่าผู้ร้องหลอกลวงประชาชนจะมีผลในทางที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อความเชื่อถือในสถาบันผู้ร้องอย่างร้ายแรง การกระทำของผู้คัดค้านเช่นนี้เมื่อพิจารณาตามข้อบังคับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่แห่งประเทศไทย ว่าด้วยระเบียบวินัยการลงโทษ และการอุทธรณ์การลงโทษของพนักงานและลูกจ้างพ.ศ. 2522 ข้อ 9 ซึ่งระบุว่า “พนักงานและลูกจ้างต้องสนับสนุนนโยบายรัฐบาลและต้องตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ข้อบังคับระเบียบของสถาบันและมติของคณะรัฐมนตรี ให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่สถาบันด้วยอุตสาหะเอาใจใส่ และระมัดระวังผลประโยชน์ของสถาบัน
การประมาทเลินเล่อในหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายข้อบังคับและระเบียบของสถาบันหรือมติคณะรัฐมนตรีอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่สถาบันอย่างร้ายแรง เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง”
เห็นว่า การกระทำของผู้คัดค้านก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้องอย่างร้ายแรง จึงเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามความในข้อ 9นี้แล้ว ส่วนที่ผู้คัดค้านอ้างมาในอุทธรณ์ว่า ผู้ร้องมิได้สืบให้เห็นว่าเสียหายร้ายแรงอย่างไรนั้น ในเมื่อการกระทำของผู้คัดค้านปรากฏโดยชัดเจนถึงความเสียหายแก่สถาบันของผู้ร้องแล้วก็ไม่ต้องนำสืบถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อีก เพราะมิใช่เป็นกรณีฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่ง
เมื่อฟังว่าการกระทำของผู้คัดค้านเป็นการทำผิดข้อบังคับสถาบันฯ ข้อ 9 แล้ว โทษของผู้คัดค้านก็ต้องเป็นไปตามข้อบังคับสถาบันฯ ข้อ 26 คือ ให้ออก ปลดออก หรือไล่ออก ตามความร้ายแรงแห่งกรณีดังนั้น ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าวข้างต้น จึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษายืน

Share