คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องและศาลต้องฟังพยานโจทก์ จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงได้แก่ คดีที่มี อัตราโทษอย่างต่ำจำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไปหรือโทษสถานที่หนักกว่านั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 176 วรรคหนึ่ง แต่คดีนี้มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลย่อมพิพากษาโดยไม่ต้องสืบพยานหลักฐานในข้อหาความผิดที่จำเลยให้การรับสารภาพดังกล่าวได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 57, 91 พระราชบัญญัติการขนส่งทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 102(3 ทวิ), 127 ทวิ พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 162 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91และพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ของจำเลย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 57, 91 พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 102(3 ทวิ), 127 ทวิพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 162 เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษซึ่งเป็นบทหนักที่สุด จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน ไม่มีเหตุรอการลงโทษ ให้พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยเป็นเวลา 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าคดีนี้มีโทษจำคุกไม่เกินสิบปี ศาลชั้นต้นต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงเสียก่อนจึงจะพิพากษาลงโทษจำเลยได้ เห็นว่า คดีที่ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง ได้แก่ คดีที่มีอัตราโทษอย่างต่ำจำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไปหรือโทษสถานที่หนักกว่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคหนึ่งแต่คดีนี้มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลย่อมพิพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐานในข้อหาความผิดดังกล่าวได้
พิพากษายืน

Share