คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9733/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนังสือที่นร0209/9728วันที่30พฤษภาคม2537ที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีถึงกรมบังคับคดีมีข้อความว่า”ตามหนังสือกรมบังคับคดีที่ยธ0409/947/829ลงวันที่26เมษายน2537ส่งประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์(คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด)ในคดีล้มละลายของศาลแพ่งหมายเลขแดงที่ล.103/2537เพื่อขอให้ดำเนินประกาศในหนังสือราชกิจจานุเบกษานั้นสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ดำเนินการประกาศเรื่องดังกล่าวในหนังสือราชกิจจานุเบกษาฉบับประกาศทั่วไปเล่ม111ตอนที่41วันที่24พฤษภาคม2537แล้ว”จึงฟังได้ว่าณวันที่30พฤษภาคม2537ได้มีการโฆษณาเผยแพร่คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดคดีนี้โดยราชกิจจานุเบกษาเล่มดังกล่าวแก่บุคคลทั่วไปแล้วการนับระยะเวลา2เดือนตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา91จึงต้องเริ่มนับแต่วันที่30พฤษภาคม2537ไม่ใช่เริ่มนับแต่วันที่23มิถุนายน2537อันเป็นวันที่จัดส่งราชกิจจานุเบกษาเล่มแรกให้แก่สมาชิกประเภทที่ไปรับด้วยตนเองเมื่อผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อผู้คัดค้านเมื่อวันที่16สิงหาคม2537จึงล่วงพ้นกำหนดเวลา2เดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 ถึงที่ 3 เด็ดขาดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม2537 ผู้ร้องได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2537ผู้คัดค้านมีคำสั่งไม่รับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องไม่ได้ยื่นภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า คดีนี้ได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดลงประกาศโฆษณาในราชกิจจานุเบกษา ฉบับลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2537แต่ราชกิจจานุเบกษาฉบับดังกล่าวได้พิมพ์เสร็จและออกเผยแพร่แก่สาธารณชนวันแรกเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2537 จึงครบกำหนดยื่นคำขอรับชำระหนี้ในวันที่ 27 สิงหาคม 2537 ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2537 จึงยังอยู่ภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย คำสั่งของผู้คัดค้านไม่ชอบ ขอให้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านรับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องเพื่อดำเนินการต่อไป
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า คดีนี้ได้โฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในหนังสือพิมพ์ดาวสยาม ฉบับลงวันที่29 เมษายน 2537 และประกาศลงราชกิจจานุเบกษาวันที่ 24 พฤษภาคม2537 เจ้าหนี้จึงต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลา 2 เดือนนับแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2537 อันเป็นวันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในราชกิจจานุเบกษาซึ่งเป็นวันหลังสุด ครบกำหนดในวันที่25 กรกฎาคม 2537 โดยวันที่ 24 กรกฎาคม 2537 เป็นวันหยุดราชการมีเจ้าหนี้อื่นยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนด 2 ราย ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์มีโอกาสทราบคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก่อนเจ้าหนี้อื่น และมีโอกาสยื่นคำขอรับชำระหนี้ก่อน เมื่อผู้คัดค้านนัดผู้ร้องให้มาวางเงินประกันค่าใช้จ่ายชั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และให้ถ้อยคำเกี่ยวกับลูกหนี้ที่ 1 ถึงที่ 3ในวันที่ 10 มิถุนายน 2537 อันอยู่ในกำหนดเวลาขอรับชำระหนี้การที่ผู้ร้องไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลาเป็นเพราะความหลงลืมและไม่ระมัดระวังของผู้ร้องเอง ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว มี คำสั่ง ให้ ผู้คัดค้าน ของ ลูกหนี้ ที่ 1ถึง ที่ 3 รับคำ ขอรับ ชำระหนี้ ของ ผู้ร้อง แล้ว ดำเนินการ ต่อไป
ผู้คัดค้าน อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ยก คำร้องขอ งผู้ร้อง
ผู้ร้อง ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ที่ 1 ถึงที่ 3 เด็ดขาดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2537 ผู้คัดค้านได้โฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในหนังสือพิมพ์รายวันดาวสยาม ฉบับลงวันที่ 29 เมษายน2537 และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ลงโฆษณาในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 111 ตอนที่ 41 หน้า 56 วันที่ 24 พฤษภาคม 2537 พร้อมทั้งในคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ได้แจ้งกำหนดให้บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายเสนอคำขอรับชำระหนี้ต่อผู้คัดค้านภายในกำหนดเวลา 2 เดือนนับแต่วันโฆษณาดังกล่าว โดยราชกิจจานุเบกษาเล่มดังกล่าวได้มีการจัดส่งเล่มแรกให้แก่สมาชิกที่ไปรับด้วยตนเองเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน2537 ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เอกสารหมาย ร.2ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อผู้คัดค้านเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2537 ผู้คัดค้านมีคำสั่งไม่รับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องโดยอ้างว่าผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อพ้นกำหนด 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อผู้คัดค้านภายในกำหนดเวลา 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดหรือไม่ ข้อเท็จจริงตามที่ได้ความในเบื้องต้นนั้น ผู้คัดค้านได้โฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในหนังสือพิมพ์ดาวสยามฉบับลงวันที่ 29 เมษายน 2537 และได้มีการลงโฆษณาในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 111 ตอนที่ 41 ง หน้า 56วันที่ 24 พฤษภาคม 2537 โดยกำหนดให้เจ้าหนี้ยื่นคำขอต่อผู้คัดค้านภายในกำหนด 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งดังกล่าวด้วยแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในหนังสือพิมพ์ดาวสยามกับที่ลงในราชกิจจานุเบกษาไม่ตรงกันในกรณีเช่นนี้การนับวันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดต้องถือเอาวันที่โฆษณาในราชกิจจานุเบกษาซึ่งเป็นโฆษณาฉบับหลังเป็นเกณฑ์ ผู้ร้องนำสืบว่า ราชกิจจานุเบกษาได้มีการจัดส่งเล่มแรกให้แก่สมาชิกที่ไปรับด้วยตนเองเมื่อวันที่23 มิถุนายน 2537 ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเอกสารหมาย ร.2 ต้องถือเอาวันที่ 23 มิถุนายน 2537 เป็นวันแรกที่มีการเผยแพร่คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2537 จึงยังไม่พ้นกำหนด 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด พิเคราะห์แล้วหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเอกสารหมาย ร.2 นอกจากจะมีข้อความว่าได้จัดส่งราชกิจจานุเบกษาเล่มแรกให้แก่สมาชิกที่มารับด้วยตนเองเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2537 แล้ว ยังมีข้อความระบุไว้ด้วยว่าสำนักงานราชกิจจานุเบกษาไม่อาจตรวจสอบได้ว่าราชกิจจานุเบกษาเล่มดังกล่าวพิมพ์เสร็จเมื่อใด ส่วนการส่งให้แก่สมาชิกทางไปรษณีย์นั้น น่าจะดำเนินการในเวลาก่อนหรือหลังจากวันที่23 มิถุนายน 2537 ในระยะเวลาใกล้เคียงกัน จากข้อความดังกล่าวจึงยังไม่อาจรับฟังเป็นยุติว่าได้มีการเผยแพร่ราชกิจจานุเบกษาเล่มดังกล่าวแก่บุคคลทั่วไปเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน2537 เมื่อพิเคราะห์หนังสือที่ นร 0209/9728 วันที่ 30 พฤษภาคม2537 เอกสารหมาย ค.4 ที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีถึงกรมบังคับคดี ซึ่งมีข้อความดังนี้ “ตามหนังสือกรมบังคับคดีที่ยธ 0409/947/829 ลงวันที่ 26 เมษายน 2537 ส่งประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ (คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด) ในคดีล้มละลายของศาลแพ่งหมายเลขแดงที่ ล.103/2537 เพื่อขอให้ดำเนินการประกาศในหนังสือราชกิจจานุเบกษานั้น สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ดำเนินการประกาศเรื่องดังกล่าว ในหนังสือราชกิจจานุเบกษาฉบับประกาศทั่วไปเล่ม 111 ตอนที่ 41 วันที่ 24 พฤษภาคม 2537แล้ว” จากข้อความดังกล่าวจึงฟังได้ว่า ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2537ได้มีการโฆษณาเผยแพร่คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดคดีนี้โดยราชกิจจานุเบกษาเล่มดังกล่าวแก่บุคคลทั่วไปแล้ว การนับระยะเวลา2 เดือน ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 91 จึงต้องเริ่มนับแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2537 ไม่ใช่เริ่มนับแต่วันที่23 มิถุนายน 2537 อันเป็นวันที่ 30 พฤษภาคม 2537 ไม่ใช่เริ่มนับแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2537 อันเป็นวันที่จัดส่งราชกิจจานุเบกษาเล่มแรกให้แก่สมาชิกประเภทที่ไปรับด้วยตนเองตามฎีกาของผู้ร้อง เมื่อผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อผู้คัดค้านเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2537 จึงล่วงพ้นกำหนดเวลา 2 เดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ผู้คัดค้านมีคำสั่งไม่รับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องจึงชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share