คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9657/2542

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้เพิกถอนการขายทอดตลาดแม้ในวันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟัง จะยังไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติให้คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุดก็ตามแต่ในขณะที่ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นฎีกาต่อมาในวันที่ 1 มิถุนายน 2542 นั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งได้ถูกแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2542ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2542 แล้วโดยมาตรา 296 วรรคสองกำหนดให้ความในวรรคนี้อยู่ภายใต้บังคับมาตรา 309 ทวิ วรรคสอง และในมาตรา 309 ทวิ วรรคสอง กับวรรคสี่ ซึ่งบัญญัติขึ้นใหม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์ว่าในกรณีที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือบุคคลผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีเนื่องจากราคาที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินมีจำนวนต่ำเกินสมควรนั้น เมื่อศาลมีคำสั่งแล้วให้อุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ได้ และคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด ฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์จึงเป็นอันต้องห้ามมิให้ฎีกาตามมาตรา 309 ทวิวรรคสี่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์บังคับคดีโดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 8793 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และที่ดินโฉนดเลขที่ 8794 ของจำเลยที่ 2 ออกขายทอดตลาด ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 8793 พร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ที่ 1ในราคาสูงสุดเป็นเงิน 380,000 บาท และขายที่ดินโฉนดเลขที่ 8794 ให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ที่ 2 ในราคาสูงสุดเป็นเงิน 130,000 บาท

โจทก์ยื่นคำร้องว่า ที่ดินทั้งสองแปลงของจำเลยที่ 2 จดทะเบียนจำนองประกันหนี้โจทก์ จำนวน 900,000 บาท ที่ดินทั้งสองแปลงตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ การคมนาคมสะดวก มีถนน ไฟฟ้าและน้ำประปาเข้าถึง ขณะขายทอดตลาดทางราชการประเมินราคาตารางวาละ3,500 บาท โจทก์คัดค้านราคาขายทอดตลาดต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าราคาต่ำไป หากขายทอดตลาดใหม่ จะมีผู้เข้าร่วมประมูลมากขึ้นและราคาจะไม่ต่ำกว่าราคาขายครั้งแรก การขายทอดตลาดที่ดินทั้งสองแปลงของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดและให้ประกาศขายทอดตลาดใหม่

ผู้ซื้อทรัพย์ทั้งสองยื่นคำคัดค้านว่า การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้องทั้งสองชำระราคาที่ดินตามที่ประมูลได้แล้วผู้ร้องทั้งสองจึงเป็นเจ้าของที่ดินที่ซื้อได้จากการขายทอดตลาดขณะขายทอดตลาดเศรษฐกิจตกต่ำ ราคาขายจริงคงไม่สูงมาก ที่ดินทั้งสองแปลงไม่ติดถนนราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นเงินรวม 223,500 บาท โจทก์ไม่คัดค้าน และเมื่อขายทอดตลาดเจ้าหน้าที่ของโจทก์และทนายโจทก์ก็เข้าร่วมประมูล แต่ให้ราคาสู้ผู้ร้องทั้งสองไม่ได้ โจทก์จึงคัดค้านการขาย ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่8793 และ 8794 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 แล้วให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายใหม่

ผู้ซื้อทรัพย์ทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

ผู้ซื้อทรัพย์ที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้เดิมโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากราคาที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินมีจำนวนต่ำเกินสมควรขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาต้องกันให้เพิกถอนการขายทอดตลาด ซึ่งถึงแม้ในวันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้คู่ความฟังในวันที่ 3 พฤษภาคม 2542 นั้น จะยังไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติให้คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุดก็ตามแต่ในขณะที่ผู้ซื้อทรัพย์ที่ 1 ยื่นฎีกาต่อมาในวันที่ 1 มิถุนายน 2542 นั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งได้ถูกแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2542ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2542 แล้ว โดยมาตรา 296 วรรคสองกำหนดให้ความในวรรคนี้อยู่ภายใต้บังคับมาตรา 309 ทวิ วรรคสอง และในมาตรา 309 ทวิ วรรคสอง กับวรรคสี่ ซึ่งบัญญัติขึ้นใหม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์ว่า ในกรณีที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือบุคคลผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี เนื่องจากราคาที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินมีจำนวนต่ำเกินสมควรนั้น เมื่อศาลมีคำสั่งแล้วให้อุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ได้และคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด ดังนี้ฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ที่ 1 จึงเป็นอันต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 309 ทวิ วรรคสี่ ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ที่ 1 มานั้นไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”

พิพากษายกฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ที่ 1 คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่ผู้ซื้อทรัพย์ที่ 1

Share