คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 959/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลมีคำสั่งในวันที่จำเลยยื่นอุทธรณ์ว่า “รับอุทธรณ์สำเนาให้โจทก์ ให้จำเลยนำส่งให้โจทก์ภายใน 7 วันมิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์” และตามแบบพิมพ์ท้ายอุทธรณ์ซึ่งทนายจำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้อุทธรณ์มีข้อความว่า”ข้าพเจ้าได้ยื่นสำเนาอุทธรณ์ โดยข้อความถูกต้องอย่างเดียวกันมาด้วย 1 ฉบับ และรอฟังคำสั่งอยู่ถ้าไม่รอให้ ถือว่าทราบแล้ว” จึงถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่ง ของศาลแล้วเมื่อจำเลยมิได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ ภายในเวลาที่กำหนด ถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)ประกอบด้วยมาตรา 246

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งว่า ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ภายใน 7 วัน จำเลยได้ทราบคำสั่งดังกล่าวโดยชอบแล้วเพิกเฉยไม่ดำเนินการภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดถือว่าจำเลยทิ้งคำฟ้องอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246 ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ภาค 1
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่าจำเลยยื่นอุทธรณ์วันที่ 16กุมภาพันธ์ 2532 ศาลชั้นต้นสั่งในวันเดียวกันว่ารับอุทธรณ์สำเนาให้โจทก์ให้จำเลยนำส่งให้โจทก์ภายใน 7 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์และตามแบบพิมพ์ท้ายอุทธรณ์ซึ่งทนายจำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้อุทธรณ์มีข้อความว่า “ข้าพเจ้าได้ยื่นสำเนาอุทธรณ์โดยข้อความถูกต้องเป็นอย่างเดียวกันมาด้วย 1 ฉบับและรอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว” จึงต้องถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยนำสั่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ทั้งสองภายใน 7 วันแล้ว เมื่อจำเลยมิได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ทั้งสองภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงถือได้ว่าจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)ประกอบด้วยมาตรา 246″
พิพากษายืน

Share