แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 เป็นบทบัญญัติที่คุ้มครองสิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ข้ออ้างที่ว่าจำเลยยังมีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องสามารถเอาชำระหนี้ได้เป็นข้อโต้แย้งระหว่างเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาด้วยกัน จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาจะยกขึ้นโต้แย้งไม่ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยชำระหนี้ 17,475,616.44 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ18 ต่อปี ของต้นเงิน 15,000,000 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (28 ธันวาคม2537) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยผ่อนชำระเดือนละไม่ต่ำกว่า250,000 บาท ทุกวันสิ้นสุดของเดือนตั้งแต่เดือนมกราคม 2539 ให้แล้วเสร็จภายในกำหนด 18 เดือน ต่อมาจำเลยผิดนัด โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 45152 ถึง 45157ตำบลสุรศักดิ์ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นทรัพย์จำนองเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1066/2539 ของศาลชั้นต้น ผู้ร้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2541 ผู้ร้องสืบหาทรัพย์สินของจำเลยแล้วปรากฏว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอย่างใดอีกเลย ผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลย จึงขอเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินหรือเงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินที่โจทก์ยึด
โจทก์และจำเลยไม่ยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นงดไต่สวนและมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์ได้ตามขอ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน แต่ให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์จากเงินที่เหลือภายหลังที่ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์เจ้าหนี้จำนองแล้ว
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีสิทธิยกข้ออ้างที่ว่าจำเลยยังมีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องสามารถเอาชำระหนี้ได้นั้น เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 นั้น เป็นบทบัญญัติที่คุ้มครองเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ฉะนั้น ข้ออ้างที่ว่าจำเลยยังมีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องสามารถเอาชำระหนี้ได้ จึงเป็นข้อโต้แย้งระหว่างเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาด้วยกัน จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาหาอาจจะยกขึ้นโต้แย้งได้ไม่ ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น…”
พิพากษายืน