คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4448/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลย ไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใดให้ยกเลิกหรือเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่โจทก์จำเลยทำมาก่อนหน้านี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิดำเนินกระบวนพิจารณาต่อจากจำเลย และมีสิทธิเช่นเดียวกับจำเลยซึ่งเป็นคู่ความฝ่ายหนึ่งตามบทบัญญัติของกฎหมาย การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่งทนายความยื่นคำให้การใหม่ จึงเป็นกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อในสารบัญจดทะเบียนที่ดินทั้ง 4 แปลง มาเป็นชื่อของโจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่งทนายความและยื่นคำให้การใหม่ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำให้การมาใหม่แล้ว แต่ต่อมาวันที่ 25 มกราคม 2556 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งเดิมที่ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำให้การใหม่ แล้วมีคำสั่งไม่รับคำให้การของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เมื่อจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลย ไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใดให้ยกเลิกหรือเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่โจทก์จำเลยทำมาก่อนหน้านี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิดำเนินกระบวนพิจารณาต่อจากจำเลย และมีสิทธิเช่นเดียวกับจำเลยซึ่งเป็นคู่ความฝ่ายหนึ่งตามบทบัญญัติของกฎหมายเท่านั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่งทนายความยื่นคำให้การใหม่ จึงเป็นกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบดังกล่าว จึงชอบแล้ว พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ว่า คำให้การของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นการขยายความจากคำให้การเดิมของจำเลย ไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบ ศาลไม่จำต้องเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำให้การใหม่ นั้น เห็นว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายซึ่งศาลอุทธรณ์ ได้วินิจฉัยไว้ถูกต้องแล้ว ศาลฎีกาจึงไม่รับคดีไว้พิจารณาพิพากษา ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 23 วรรคหนึ่ง
จึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความศาลฎีกา คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมดในชั้นฎีกาแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ค่าฤชาธรรมเนียมอื่นชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

Share