แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ออกเช็คและจำเลยที่ 2 ที่ 3 สลักหลังเช็คชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยทั้งสามจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามที่เป็นผู้สั่งจ่าย และสลักหลังเช็ค โดยให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ คำฟ้องโจทก์จึงเป็นการกล่าวถึงสภาพแห่งข้อหาและคำขอให้บังคับแก่จำเลยทั้งสามตลอดมาแม้คำขอท้ายฟ้อง จะกล่าวว่าให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็คก็เป็นเรื่องพิมพ์ผิดพลาด ซึ่งเมื่อรวมใจความย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าโจทก์ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดชำระเงินแก่โจทก์นั่นเองศาลบังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามความรับผิดได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ออกเช็คธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาปากเกร็ด จำนวน ๓ ฉบับ ลงวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๒๗ ทั้งสามฉบับรวมเป็นเงิน ๓๑๔,๔๓๗ บาท โดยมีจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ เป็นผู้สลักหลัง นำมาชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินทั้งสามฉบับขอให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน ตามเช็ค พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีให้แก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ เป็นผู้สลักหลังเช็คทั้งสามฉบับจริง แต่ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เพราะโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยไม่สุจริตคบคิดกับจำเลยที่ ๓ รับโอนเช็คโดยรู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ ๒ สลักหลังไว้เพื่อเป็นประกันในการจ่ายเงิน ตามเช็คในวันที่๑๐ สิงหาคม ๒๕๒๗ การแก้ไขวันที่และจำนวนเงินในเช็คกระทำลับหลังจำเลยที่ ๒ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน ๓๓๗,๙๓๗ บาท ให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๓๑๔,๔๓๗ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าในปัญหาข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยที่ ๒ อ้างว่าฟ้องของโจทก์ไม่อาจที่จะบังคับให้จำเลยที่ ๒ รับผิดได้เพราะโจทก์ฟ้องจำเลยสามคน แต่ในคำขอท้ายฟ้อง ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดใช้เงินแก่โจทก์ ไม่ชัดแจ้งว่าจำเลยทั้งสองคนใดนั้นเห็นว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ออกเช็คและจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ สลักหลังเช็คทั้งสามฉบับชำระหนี้ให้โจทก์ เมื่อโจทก์นำเช็คทั้งสามฉบับเข้าบัญชีของโจทก์เพื่อเรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน และตอนท้ายโจทก์กล่าวว่า จำเลยทั้งสามจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามที่เป็นผู้สั่งจ่ายและสลักหลังเช็คโดยให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย คำฟ้องโจทก์จึงเป็นการกล่าวถึงสภาพแห่งข้อหา และคำขอให้บังคับแก่จำเลยทั้งสามตลอดมาคงมีเฉพาะในคำขอท้ายฟ้องเท่านั้นที่ปรากฏว่าโจทก์กล่าวว่า”จำเลยทั้งสอง” เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องพิมพ์ผิดพลาดซึ่งรวมใจความย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าโจทก์ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดชำระเงินแก่โจทก์นั่นเอง ศาลสามารถบังคับให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามความรับผิดได้
พิพากษายืน