คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยตั้งยอดเบิกเงินตามจำนวนทหารที่จะได้รับเงินเดือนนั้น จำเลยอาจต้องลงบัญชีไว้ก่อน เพื่อจะได้จ่ายในวันหลังดั่งจำเลยต่อสู้ก็ได้ เมื่อไม่ได้ความว่าบัญชีไม่ตรงตามจำนวนทหารในเดือนใด การที่ทหารมารับเงินเดือนไม่ครบจำนวนจำเลยลงบัญชีจ่ายเต็มจำนวนให้ตรงกับบัญชีเงินสดประจำวันก็ไม่ได้หลักฐานว่ามีระเบียนข้อบังคับห้ามไม่ให้ทำเช่นนี้ ดังนี้จะวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำการปลอมหนังสือไม่ถนัด
บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานกระทำผิดหลายกะทง ขอให้ลงโทษตามมาตรา 319 ข้อ (3) ฯลฯ เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า ทางราชการจัดให้จำเลยทำหน้าที่เบิกจ่ายเงินจำเลยยักยอกเอาเงินรายนี้ไปจริงดังนี้ ก็ตรงกับคำฟ้อง ส่วนที่กล่าวว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานนั้นแม้ทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานโดยตรง ก็ยังถือไม่ได้ว่าคดีได้ความตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง

ย่อยาว

คดีนี้ โจทย์ฟ้องว่าจำเลยเป็นพลเรือนสังกัดกรมสรรพวุธทหารบกมีตำแหน่งหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานลงบัญชีจ่ายเงินเดือนพลทหาร และบัญชีเงินสดรายวัน ระหว่างวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๔๙๕ ถึงวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๖ จำเลยได้ลงบัญชีจ่ายเงินเดือนพลทหารแสดงยอดเงินจ่ายสูงกว่าจำนวนที่จ่ายจริง เพื่อให้เท่ากับจำนวนเงินจ่ายในบัญชีเงินสดรายวัน โดยเจตนาทุจริตและจะให้เป็นหลักฐานในหนังสือราชการ อันสามารถอาจเกิดความเสียหายแก่กองโรงงานวัตถุระเบิดกรมสรรพาวุธทหารบก กองทัพบก และร้อยเอกเกียรติ เหมือนฤทธิได้ และจำเลยได้ยักยอกเงินของกองโรงงานวัตถุระเบิดฯ ซึ่งได้รับมอบหมายจากร้อยเอกเกียรติเหมือนฤทธิ์ไปเป็นอาณาประโยชน์ส่วนตัวเสียรวม ๘,๘๘๓ บาท ๕๙ สตางค์ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๑๓๑,๒๒๒,๒๒๓,๒๒๔,๒๒๕,๒๒๙,๒๓๐,๓๑๕, พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๓ และให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน ๘,๘๘๓ บาท ๕๙ สต. แก่ของโรงงานวัตถุระเบิด ฯ
จำเลยให้การว่าจำเลยมีตำแหน่งเป็นเพียงคนงานรายวัน ทางราชการสั่งให้มาทำหน้าที่เสมียนลงบัญชีจ่ายเงินเดือนทหาร การทำการจ่าย จำเลยได้ตัดชื่อ พลทหารตามจำนวนที่มีอยู่จริง เสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อเบิกจ่าย แต่เมื่อจ่ายเงินเดือนทุกครั้งพลทหารมารับไม่ครบตามจำนวน ฉนั้นจึงมีเงินเหลืออยู่ที่จำเลยจำเลยได้เก็บไว้ ๘,๘๘๓ บาท ๕๙ สตางค์จริง เมื่อเกิดคดีนี้แล้วจำเลยได้มอบคืนไปแก่ผู้บังคับบัญชา ๔,๐๐๐ บาท กับทรัพย์สินอย่างอื่นอีก ๔,๐๐๐ บาท รวมเป็น ๘,๐๐๐ บาทยังขาดอีก ๘๘๓ บาท ๕๙ สต. จำเลยยินดีจะให้จนครบ
ศาลทหารกรุงเทพฯ เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดจริง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ ปลอมหนังสือและยักยอกทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๑๓๑,๒๓๐, ประกอบท้ายพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ.๒๔๘๔ ม.๓ ให้รวมกะทงลงโทษจำคุก ๕ ปี ปราณีลดโทษฐานรับสารภาพตามมาตรา ๕๙ เสีย ๑ ใน ๓ คงจำคุกจำเลยไว้ ๓ ปีกับ ๔ เดือน จำเลยมอบคืนให้กรรมการแล้ว ๔,๐๐๐ บาท ให้จำเลยใช้แก่กองสรรพวุธทหารบกอีก ๔,๘๘๓ บาท ๕๙ สตางค์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลทหารบกกลางคงเชื่อว่าจำเลยกระทำผิดจริงแต่เห็นว่าจำเลยเป็นคนงานรับค่าจ้างรายวันมิได้เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๑๓๑,๒๓๐, พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดฐานปลอมหนังสือสำคัญในราชการตามกฎหมายลัษษณะอาญามาตรา ๒๒๕ กะทงหนึ่งฐานยักยอกทรัพย์ตามมาตรา ๓๑๙(๓) อีกกะทงหนึ่ง ให้รวมกะทงลงโทษจำคุก ๔ ปี ลดฐานปราณีตามมาตรา ๕๙ เสีย ๑ ใน ๓ คงจำคุกไว้ ๒ ปี ๘ เดือนนอกนี้พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าที่ศาลทหารบกกลางให้ลงโทษจำเลยฐานปลอมหสังสือนั้น ทางพิจารณาไม่ได้ความชัดว่าจำเลยกระทกการปลอมหนังสือ การที่จำเลยตั้งยอดเบิกเงินตามจำนวนทหารที่จะได้รับเงินเดือนก็ไม่ได้ความว่าไม่ตรงตามจำนวนในเดือนใด การที่ทหารมารับเงินเดือนไม่ครบจำนวน จำเลยลงบัญชีจ่ายเต็มจำนวนให้ตรงกับบัญชีเงินสดประจำวันก็ไม่ได้หลักฐาน ว่ามีระเบียบข้อบังคับห้ามไม่ให้ทำเช่นนั้นจำเลยอาจต้องลงบัญชีไว้ก่อน เพื่อจะได้จ่ายในวันหลังดั่งจำเลยต่อสู้ก็จะเป็นได้ ฉะนั้นข้อนี้จะวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำการปลอมหนังสือไม่ถนัดตามคำให้การของจำเลยรับว่าวิ่งเต้นหาเงินมาใช้แล้ว คงยังขาดอีก ๘๘๓ บาท ๕๙ สตางค์นั้นเห็นได้ชัดว่าจำเลยได้คิดทุจริตเบียดบังยักยอกเอาเงินที่จำเลยได้รับมอบหมายไว้ในห้าที่นี้ไปตามมาตรา ๓๑๙ ข้อ (๓) ส่วนที่กล่าวว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงาน แม้ทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงาน ก็ยังถือไม่ได้ว่าคดีได้ความตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้องดังจำเลยคัดค้าน
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลทหารบกกลางว่าจำเลยมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ในหน้าที่ตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.๓๑๙ ข้อ (๓) กะทงเดียวให้วางโทษจำคุก ๒ ปี ลดฐานปรานีตาม ม.๕๙ เสีย ๑ ใน ๓ คงจำไว้หนึ่งปีกับสี่เดือน และให้จำเลยใช้เงินให้กองโรงงานวัตถุระเบิดกรมสรรพาวูธทหารบกอีก ๔,๘๘๓ ม.๕๙ สต.นอก+

Share