คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1848/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนรับมรดกโดยบรรยายฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของบิดาโจทก์โดยเจ้ามรดกยกให้ตั้งแต่ก่อนตาย แต่ยังไม่ได้แก้ชื่อในโฉนด เมื่อบิดาโจทก์ตายแล้วจำเลยได้ไปขอรับมรดกโดยปกปิดโจทก์เช่นนี้เป็นฟ้องที่แสดงแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้ว ไม่จำต้องระบุว่านิติกรรมนั้นผิดกฎหมายอะไรหรือใช้ไม่ได้อย่างไร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่านายมุดบิดาโจทก์นางเมาะและจำเลยที่ 1 เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดากัน นางเมาะกับจำเลยที่ 1 มีชื่อเป็นเจ้าของที่นาโฉนดที่ 991 เนื้อที่ 26 ไร่ ต่างครอบครองเป็นส่วนสัด นางเมาะครอบครอง 18 ไร่เศษ นางเมาะได้ยกที่ดินส่วนของนางเมาะให้แก่บิดาโจทก์ตั้งแต่ก่อนวายชนม์ บิดาโจทก์ครอบครองเป็นเจ้าของโดยให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการแทน บิดาโจทก์วายชนม์ลง จำเลยที่ 1 ได้ไปขอรับมรดกและเติมชื่อจำเลยที่ 2 ลงในโฉนดที่ดินโดยปกปิดไม่ให้โจทก์ทราบโดยไม่มีอำนาจ จึงขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการโอนรับมรดกและการเติมชื่อจำเลยที่ 2 เสีย ขอให้แบ่งส่วนของนางเมาะให้โจทก์

จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นมรดกตกได้แก่จำเลย

ศาลชั้นต้นงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่มีข้ออ้างอิงจะให้ศาลสั่งเพิกถอนนิติกรรม โจทก์บรรยายฟ้องมาไม่ชัดแจ้งว่านิติกรรมนั้นผิดกฎหมายอะไรหรือใช้ไม่ได้อย่างไร ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของนางเมาะยกให้บิดาโจทก์ โจทก์ครอบครองเป็นเจ้าของตลอดมา บิดาโจทก์วายชนม์ลง จำเลยที่ 1 ไปขอรับมรดกนางเมาะและเติมชื่อจำเลยที่ 2 ลงในโฉนดโดยปกปิดโจทก์เช่นนี้ ฟ้องของโจทก์แจ้งชัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 แล้ว จึงพิพากษายืน

Share