คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9535/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 แล้ว หากจำเลยที่ 1 เห็นว่าศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษแก่จำเลยที่ 1 ไม่ถูกต้อง จำเลยที่ 1 ชอบที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 8 ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 193 แต่จำเลยที่ 1 มิได้ใช้สิทธิดังกล่าว กลับมายื่นคำร้องขอให้ศาลกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ใหม่ โดยเลี่ยงอ้างว่าเป็นการบังคับคดีให้ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนี้ หากศาลฟังตามที่จำเลยที่ 1 อ้างแล้ววินิจฉัยกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ใหม่ ย่อมมีผลเป็นการแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นขัดต่อ ป.วิ.อ. มาตรา 190 ซึ่งห้ามมิให้แก้ไขคำพิพากษาหรือคำสั่งซึ่งอ่านแล้วนอกจากถ้อยคำที่เขียนหรือพิมพ์ผิดพลาด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบด้วยมาตรา 100/2 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 30 ปี และปรับ 500,000 บาท ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 30 ปี และปรับ 500,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกกระทงละ 15 ปี และปรับกระทงละ 250,000 บาท รวมจำคุก 30 ปี และปรับ 500,000 บาท จำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า ศาลปรับบทลงโทษคลาดเคลื่อนไปจากคำฟ้อง เมื่อคำฟ้องไม่ มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เท่าใด จึงไม่อาจฟังได้ว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เกิน 0.375 กรัม จึงต้องปรับบทลงโทษตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง ซึ่งระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 15 ปี เมื่อลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 7 ปี 6 เดือน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า มีเหตุที่จะกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ใหม่หรือไม่ เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 แล้ว หากจำเลยที่ 1 เห็นว่าศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยที่ 1 ไม่ถูกต้อง จำเลยที่ 1 ชอบที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 8 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 แต่จำเลยที่ 1 มิได้ใช้สิทธิดังกล่าวกลับมายื่นคำร้องขอให้ศาลกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ใหม่ โดยเลี่ยงอ้างว่าเป็นการบังคับคดีให้ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนี้ หากศาลฟังตามที่จำเลยที่ 1 อ้างแล้ววินิจฉัยกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ใหม่ ย่อมมีผลเป็นการแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 190 ซึ่งห้ามมิให้แก้ไขคำพิพากษา หรือคำสั่งซึ่งอ่านแล้ว นอกจากถ้อยคำที่เขียนหรือพิมพ์ผิดพลาด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน 350 เม็ดไว้ในครอบครอง เห็นว่า คดีนี้มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามคำร้องของจำเลยที่ 1 เพียงว่า จะกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ใหม่ได้หรือไม่เท่านั้น ส่วนประเด็นที่จำเลยที่ 1 ฎีกาดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ต้องอุทธรณ์คำพิพากษาในคดีหลัก จำเลยที่ 1 จะยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาในคำร้องบวกกับโทษจำคุก 15 ปี ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เป็นจำคุก 22 ปี 6 เดือน ขอให้ ออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดใหม่และกำหนดโทษเสียใหม่เพื่อบังคับคดีให้ถูกต้องตามกฎหมาย ขอกำหนดโทษใหม่ไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share