คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การว่า ระเบียบและคำสั่งของกระทรวงมหาดไทยขัดต่อพระราชกฤษฎีกาและปลัดกระทรวงก็ไม่มีอำนาจลงนามในระเบียบและคำสั่ง โดยหาได้ยกข้อเท็จจริงขึ้นกล่าวอ้างขัดต่อพระราชกฤษฎีกาบทใดข้อใดและเหตุใดปลัดกระทรวงจึงไม่มีอำนาจลงนามนั้น ถือว่าไม่มีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยให้
จำเลยจะอ้างว่าไม่ต้องคืนลาภมิควรได้ได้ก็ต่อเมื่อจำเลยเป็นผู้รับเงินไว้โดยสุจริตหากจำเลยเป็นผู้สั่งให้จ่ายเงินฝ่าฝืนระเบียบให้แก่ตนเองแล้ว ก็จะอ้างว่ารับเงินไว้โดยสุจริตมิได้ จำเลยจึงต้องคืนเงินที่รับเกินไป.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๕ ดำรงตำแหน่งเทศมนตรีเมืองอุบลราชธานี ได้สั่งให้ปลัดเทศบางและสมุห์บัญชีเบิกจ่ายเงินเดือนให้แก่ตนเกินจากอัตราที่วางไว้ไปรวม ๑๗,๑๙๘ บาทโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีอำนาจและไม่มีสิทธิจะได้รับตามกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนพระราชกฤษฎีการะเบียบพนักงานเทศบาล พ.ศ.๒๔๘๖ มาตรา ๑๑ และคำสั่งกระทรวงมหาดไทยตามหนังสือกระทรวงมหาดไทยที่ ๑๐๔/๒๔๙๓ และตามหนังสือด่วนมากของกระทรวงมหาดไทยที่ ๒๕๙๕๖/๒๔๙๘ เพราะรายได้แท้จริงของเทศบาลเมืองอุบลราชธานีปี พ.ศ.๒๔๙๙ มีรายได้แท้จริงโดยหักเงินอุดหนุนจากรัฐบาลแล้วเป็นเงิน ๙๒๕,๒๘๐.๖๗ บาท นายกเทศมนตรีจะได้ค่าป่วยการวันละ + บาท เทศมนตรีวันละ ๘ บาทเท่านั้น จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยคืนเงินที่เบิกเกินไป
จำเลยที่ ๑,๓,๔,๕ ให้การว่า เงินค่าป่วยการของนายกเทศมนตรีและเทศมนตรีได้จ่ายไปโดยถูกต้องตามพระราชกฤษฎีการะเบีบยบพนักงานเทศบาลทุกประการ แม้จะฟังว่าจำเลยรับเงินไปผิดระเบียบ แต่ก็กระทำไปโดยสุจริตตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมาย ถือว่าเงินรายนี้เป็นลาภมิควรได้ ซึ่งจำเลยใช้สอยไปหมดแล้ว ไม่ชอบที่โจทก์จะเรียกคืน สำหรับจำเลยที่ ๒ นั้น ส่งสำเนาฟ้องให้ไม่ได้ โจทก์จึงขอถอนฟ้อง ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นให้โจทก์นำสืบก่อนว่า การเบิกจ่ายเงินของจำเลยทั้ง ๔ นั้นถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนหรือไม่ ส่วนปัญหาข้อกฎหมายว่าคำสั่งกระทรวงมหาดไทยตามหนังสือกระทรวงมหาดที่ ๑๐๔/๒๔๙๓ และหนังสือด่วนมากที่ ๒๕๙๕๖/๒๔๙๘ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จำเลยที่ ๔ จะต้องรับผิดร่วมกันหรือแยกกัน และโจทก์มีสิทธิเรียกเงินตามฟ้องหรือไม่ จะได้วินิจฉัยเมื่อคู่ความสืบพยานในประเด็นข้อแรกแล้ว
ในวันนัดสืบพยาน คู่ความแถลงร่วมกันว่า การเบิกจ่ายเงินของเทศบาลนั้น เบิกจ่ายตามเทศบัญญัติงบประมาณประจำปี ซึ่งตามระเบียบเทศบัญญัติงบประมาณประจำปีใหม่จะต้องจัดทำก่อนในปีเก่า ถ้าขัดข้องออกไม่ทันก็ให้ใช้เทศบัญญัติงบประมาณปีเก่าไปพลาง แล้วโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยานบุคคล คงอ้างแต่พยานเอกสาร
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยเบิกเงินค่าป่วยการเกิน ไม่ชอบด้วยระเบียบแบบแผน จำเลยอ้างว่าเงินที่รับเกินไปเป็นลาภมิควรได้และได้ใช้สอยหมดไปแล้ว แต่จำเลยไม่พิสูจน์ว่ารับไว้โดยสุจริต จึงพิพากษาให้จำเลยรับผิดเฉพาะส่วนของตนที่รับเกินไปแต่ละคน
จำเลยที่ ๑,๓,๔,๕ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑,๓ และ ๕ ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์คำให้การของจำเลยแล้ว จำเลยให้การเพียงว่า ระเบียบหรือคำสั่งที่โจทก์อ้างนั้นขัดต่อพระราชกฤษฎีกา ทั้งคำสั่งของกระทรวงมหาดไทยทั้งสองฉบับก็ลงนามโดยปลัดกระทรวง หาใช่รัฐมนตรีไม่ ดังนี้ จึงแปลได้ว่าจำเลยรับว่ากระทรวงมหาดไทยได้วางระเบียบไว้ตามหนังสือกระทรวงมหาดไทยที่โจทก์อ้างจริง สู้แต่เพียงว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น การต่อสู้เช่นนี้เป็นการต่อสู้ในเรื่องระเบียบวิธีปฏิบัติราชการภายในของกระทรวงมหาดไทยที่มีต่อเทศบาล แต่จำเลยหาได้ยกข้อเท็จจริงกล่าวอ้างให้เป็นประเด็นว่า เหตุใดปลัดกระทรวงจึงไม่มีอำนาจลงนาทในหนังสือกระทรวงมหาดไทยที่โจทก์อ้าง และเป็นการขัดต่อพระราชกฤษฎีกาบทใดข้อใด จริงอยู่ ข้อเท็จจริงบางอย่างศาลรับรู้ได้เอง แต่คู่ความจะต้องกล่าวอ้างข้อเท็จจริงให้ชัดเป็นประเด็นขึ้นมาในคดี แม้แต่ข้อกฎหมายที่ประสงค์ยกขึ้นต่อสู้ก็ต้องกล่าวอ้างเช่นเดียวกัน ฉะนั้นคำให้การของจำเลยจึงไม่เป็นประเด็นที่ศาลจะต้องยกขึ้นวินิจฉัย นัยฎีกาที่ ๙๖๘/๒๔๙๕
ศาลฎีกาเห็นว่า หนังสือกระทรวงมหาดไทยที่ ๑๐๔/๒๔๙๓ และ ๒๕๙๕๖/๒๔๙๘ เป็นพยานเอกสารรับฟังประกอบคำฟ้องของโจทก์ได้ว่า กระทรวงมหาดไทยได้วางระเบียบการจ่ายเงินค่าป่วยการของคณะเทศมนตรีคิดตามรายได้ประจำตามงบประมาณทั่วไปที่แท้จริงของเทศบาลเมืองอุบลราชธานีซึ่งนายกเทศมนตรีมีสิทธิได้ค่าป่วยการไม่เกินวันละ ๑๕ บาท เทศมนตรีได้ไม่เกินวันละ ๘ บาท แต่จำเลยที่ ๑ เบิกวันละ ๒๐ บาท จำเลยที่ ๓ ที่ ๕ วันละ ๑๐ บาท ผิดไปจากระเบียบที่วางไว้ ฎีกาจำเลยจึงเป็นอันตกไป
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๑๒ นั้น เห็นว่า จำเลยอาจจะอ้างมาตรานี้ได้ ถ้าจำเลยเพียงแต่เป็ฯผู้รับเงินค่าป่วยการจากเทศบาลไว้โดยสุจริง แต่คดีนี้ จำเลยเป็นนายกเทศมนตรีและเทศมนตรีของเทศบาลนนั้นเอง และเป็นผู้สั่งให้เบิกเงินค่าป่วยการอันฝ่าฝืนระเบียบของกระทรวงมหาดไทยให้แก่คนเอง จำเลยจะอ้างว่ารับเงินไว้โดยสุจริตมิได้ และการที่จำเลยสั่งเบิกจ่ายฝ่าฝืนระเบียบทำให้เทศบาลเสียหาย จำเลยก็ต้องรับผิดต่อเทศบาลในการคืนเงินที่เบิกเกินอยู่แล้ว จำเลยจะอ้างมาตรานี้เพื่อมิต้องคืนเงินที่จำเลยทำให้เทศบาลเสียหายหาได้ไม่.

Share