คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1768/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

1. เมื่อคู่ความท้ากันให้ส่งสัญญากู้เงินที่พิพาทไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายเซ็นในช่องผู้กู้เปรียบเทียบกับลายเซ็นอันแท้จริงของจำเลยในเอกสารซึ่งโจทก์จำเลยรับกัน ย่อมเป็นที่เข้าใจว่าได้ให้ผู้เชี่ยวชาญคนใดคนหนึ่งของกองวิทยาการกรมตำรวจเป็นผู้ตรวจพิสูจน์ 2. และเมื่อคู่ความท้ากันไว้ว่า ถ้าผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าเป็นลายเซ็นคนๆเดียวกัน จำเลยยอมแพ้ แต่ถ้าไม่เชื่อว่าเป็นลายเซ็นของคนๆเดียวกัน โจทก์ยอมแพ้ ดังนี้ คดีย่อมไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยมิได้ระบุพยานอ้างผู้เชี่ยวชาญและความเห็นของผู้เชี่ยวชาญและศาลได้กำหนดตัวผู้เชี่ยวชาญแล้วหรือไม่
ดังนั้น เมื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจแล้วมีความเห็นว่าไม่เชื่อว่าเป็นลายเซ็นของคนๆ เดียวกัน โจทก์ก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามที่ท้ากันไว้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินกู้ตามสัญญาท้ายฟ้อง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ในชั้นพิจารณา คู่ความท้ากันให้ส่งเอกสารสัญญากู้หมาย จ.1ไปให้ผู้ชำนาญการตรวจพิสูจน์หลักฐานกองวิทยาการกรมตำรวจพิสูจน์ลายเซ็น ถ้าผู้ชำนาญการตรวจพิสูจน์มีความเห็นเชื่อว่าลายเซ็นในช่องผู้กู้ในเอกสารหมาย จ.1 เป็นลายเซ็นของคน ๆ เดียวกับลายเซ็นในเอกสารอีก 7 ฉบับ ซึ่งคู่ความรับกันว่าเป็นลายเซ็นอันแท้จริงของจำเลย จำเลยยอมแพ้ ถ้าผู้ชำนาญเห็นว่าไม่น่าเชื่อว่าเป็นลายเซ็นของคน ๆเดียวกัน โจทก์ยอมแพ้

ศาลชั้นต้นส่งเอกสารไปให้ผู้ชำนาญฯตรวจ ผู้ชำนาญฯ มีความเห็นว่า ลักษณะการเขียน การลากเส้น กดปากกา ตลอดจนรูปร่างลักษณะของตัวอักษรแตกต่างกัน จึงน่าเชื่อว่าไม่ใช่ลายเซ็นชื่อของบุคคลคนเดียวกัน

ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ต้องแพ้คดีตามคำท้า พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานอ้างผู้เชี่ยวชาญและความเห็นของผู้เชี่ยวชาญตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 และมิได้ระบุตัวบุคคลให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ทั้งศาลก็มิได้กำหนดตัวผู้เชี่ยวชาญตามมาตรา 99,129, 130 จะถือเอาผู้เชี่ยวชาญและความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นพยานในการพิพากษาคดีไม่ได้นั้น ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 15 สิงหาคม 2505 ที่คู่ความท้ากันให้ส่งเอกสารหมาย จ.1 (คือหนังสือสัญญากู้เงินรายนี้) ไปให้ผู้ชำนาญการตรวจพิสูจน์ลายเซ็นคำว่า “ล่อง ผลอ่อน” ในช่องผู้กู้ เปรียบเทียบกับลายเซ็นอันแท้จริงของจำเลยในเอกสารต่าง ๆ อีก 7 ฉบับ โดยมิได้ระบุตัวผู้เชี่ยวชาญ จึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าให้ผู้เชี่ยวชาญคนใดคนหนึ่งของกองวิทยาการกรมตำรวจเป็นผู้ตรวจพิสูจน์ และเมื่อผู้เชี่ยวชาญกองวิทยาการ กรมตำรวจได้พิสูจน์แล้ว มีความเห็นว่าเป็นลายเซ็นของคน ๆ เดียวกัน จำเลยยอมแพ้ ถ้ามีความเห็นไม่เชื่อว่าเป็นลายเซ็นของคน ๆ เดียวกัน โจทก์ยอมแพ้ ดังนี้ คดีไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยดังข้อฎีกาของโจทก์แล้ว เพราะเป็นข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายท้าพยานกันโดยยอมรับนับถือความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่ได้ทำการตรวจพิสูจน์ตามความประสงค์ของคู่ความเป็นข้อแพ้และชนะเมื่อผู้เชี่ยวชาญฯ ได้ตรวจพิสูจน์แล้วมีความเห็นว่าลายเซ็นชื่อคำว่า “ล่อง ผลอ่อน” ในช่องผู้กู้ตามเอกสารหมาย จ.1 ไม่ใช่ลายเซ็นของบุคคลคนเดียวกันกับลายเซ็นอันแท้จริงของจำเลยในเอกสารต่าง ๆอีก 7 ฉบับ ก็ย่อมรับฟังได้ตามกฎหมายว่า ลายเซ็นชื่อคำว่า “ล่อง ผลอ่อน”ในช่องผู้กู้ตามเอกสารหมาย จ.1 ไม่ใช่ลายเซ็นของจำเลย โจทก์จึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า ฎีกาข้ออื่นของโจทก์นอกจากนี้ไม่มีประโยชน์แก่คดี ไม่จำต้องวินิจฉัย

พิพากษายืน

Share