แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เอกสารที่มีข้อความเพียงว่ารับเงินไปจำนวนหนึ่งแล้วลงชื่อจำเลยโดยไม่มีข้อความแสดงว่า ในการรับเงินจำเลยเป็นลูกหนี้จะใช้เงินคืนแก่โจทก์แต่อย่างใดนั้น ฟังเป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินไม่ได้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่15/2504)
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยโดยอาศัยใบรับเงินที่จำเลยออกให้โจทก์เป็นหลักฐานการกู้ยืม
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เอกสารท้ายฟ้องมีข้อความว่า “ได้รับเงิน 6,000 บาท มณี ผ่องศรี 1 มีนาคม 2498 รับอีก 3,000 บาทมณี ผ่องศรี 1 มีนาคม 2498” จะถือเป็นหลักฐานการกู้เงินไม่ได้พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เอกสารที่โจทก์อ้างลงลายมือชื่อและอาจแสดงความเป็นหนี้ ถือเป็นหลักฐานการกู้ยืมโดยสืบพยานกันต่อไปได้ พิพากษายก ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่
ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นายหนึ่งทำความเห็นแย้ง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า เอกสารตามสำเนาท้ายฟ้องที่โจทก์อ้างว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้เงินนั้น มีข้อความเพียงว่ารับเงินไป 6,000 บาทและ 3,000 บาท เท่านั้น ไม่มีข้อความแสดงว่าในการรับเงินนั้น จำเลยเป็นลูกหนี้จะใช้เงินคืนแก่โจทก์แต่อย่างใดที่โจทก์ว่ามีพยานเอกสารอีกหลายฉบับที่แสดงว่าจำเลยกู้เงินโจทก์นั้น โจทก์อ้างมาในฟ้องเพียงว่าจำเลยกู้เงินไปตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้องเท่านั้น โจทก์หาได้อ้างถึงเอกสารฉบับอื่นว่ายังมีอยู่พอที่จะแสดงการกู้ยืมอีกไม่ เอกสารตามข้อความที่โจทก์อ้างมาท้ายฟ้องฟังเป็นหลักฐานการกู้ยืมไม่ได้
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์