แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยจำหน่ายเฮโรอีน 1 ถุงแก่เจ้าพนักงานตำรวจ และเจ้าพนักงาน ตำรวจค้นพบเฮโรอีนของกลางอีก 6 ถุงกับ 35 หลอดที่หลังบ้านเจ้าพนักงานตำรวจได้สอบถามจำเลยแต่จำเลยปฏิเสธว่าเป็นของ ส. พ่อตาจำเลย เจ้าพนักงานตำรวจจึงให้แม่ยายจำเลยไปตาม ส. แต่แม่ยายจำเลยกลับมาบอกว่าไม่พบ เจ้าพนักงานตำรวจจึงบอกว่า ถ้าจับ ส. ไม่ได้ก็ต้องจับจำเลย แต่ถ้าตาม ส. มาได้ก็จะปล่อยจำเลย แล้วจึงเขียนบันทึกการจับกุมโดยแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบ จำเลยบอกแก่เจ้าพนักงานตำรวจว่า ถ้า ส. ไม่มารับ จำเลยก็ต้องรับ พยานจึงเขียนบันทึกว่าจำเลยให้การรับสารภาพ ดังนี้ การที่จำเลยยอมรับเป็นเรื่องที่จำเลยตัดสินใจเองข้อความที่ว่าถ้าได้ตัว ส. มาก็จะปล่อยจำเลยนั้น ก็เห็นได้ว่าคงจะปล่อยสำหรับข้อหามีเฮโรอีน 6 ถุงกับ 35 หลอดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเท่านั้น ซึ่งก็เป็นการกระทำเพื่อให้ได้ตัวผู้กระทำผิดไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นผู้ใดกรณียังไม่เข้าลักษณะชักจูงหรือกระทำด้วยวิธีการใด ๆ ที่จะให้จำเลยให้การรับสารภาพ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1จำนวน 7 ถุง น้ำหนัก 2.24 กรัม และจำนวน 35 หลอด น้ำหนัก 2.27 กรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าวจำนวน 1 ถุงให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อเป็นเงิน 400 บาท โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 6, 7, 8, 15,66, 102 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่งเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานจำหน่ายเฮโรอีน จำคุก 5 ปี ฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 10 ปีรวมจำคุก 15 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 10 ปี และริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ลงโทษฐานจำหน่ายเฮโรอีนจำคุก5 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้วคงจำคุก 3 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ได้ความจากสิบตำรวจโทอิทธิพลเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า เมื่อค้นได้ของกลางคือเฮโรอีน 6 ถุง และ35 หลอด สอบถามครั้งแรกจำเลยปฏิเสธว่าเป็นของนายสมานพ่อตาจำเลยและบอกว่านายสมานอยู่บ้านเพื่อนซึ่งอยู่ห่างไปเล็กน้อย พยานจึงให้นางสุรินทร์แม่ยายจำเลยไปตามนายสมาน ต่อมาประมาณ 20 นาทีก็กลับมาบอกว่าไม่พบ พยานจึงบอกว่าถ้าจับนายสมานไม่ได้ก็ต้องจับจำเลยแต่ถ้าตามนายสมานมาได้ก็จะปล่อยจำเลย จำเลยบอกให้รอนายสมานก่อนพยานจึงบอกนางสุรินทร์ว่าจะนำจำเลยไปรอที่ป้อมสายตรวจก่อนหากภายในครึ่งชั่วโมงถ้านำตัวนายสมานมาได้ให้นำไปที่ป้อมสายตรวจแล้วจะปล่อยจำเลย แล้วพยานจึงเขียนบันทึกการจับกุมที่บ้านดังกล่าวโดยแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบ จำเลยบอกว่านายสมานไม่มารับจำเลยก็ต้องรับ พยานจึงเขียนบันทึกว่าจำเลยให้การรับสารภาพ อย่างไรก็ตามถ้านายสมานมารับสารภาพ พยานก็จับทั้งจำเลยและนายสมานเพราะจำเลยเป็นผู้ขายยาเสพติดให้โทษให้พยาน ส่วนนายดาบตำรวจพงษ์สุทธิ์เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่าจำเลยบอกว่าเฮโรอีนเป็นของนายสมาน แต่เมื่อถามไปถามมาจำเลยก็ยอมรับว่าเฮโรอีนเป็นของจำเลยเห็นว่า หากเฮโรอีนของกลางที่ค้นพบนั้นไม่ใช่ของจำเลยไม่ว่ากรณีใด ๆจำเลยก็ไม่น่าจะรับว่าเป็นของจำเลยโดยเฉพาะกรณีนี้ก็ไม่น่าจะเป็นไปในลักษณะที่จำเลยยอมรับว่าเป็นของจำเลยเพื่อช่วยนายสมานพ่อตาจำเลยเพราะไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดมาชักจูงหรือโน้มน้าวให้จำเลยรับสารภาพเพื่อช่วยนายสมานพ่อตาจำเลย กลับเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นเรื่องจำเลยตัดสินใจเอง ดังข้อความที่ว่านายสมานไม่มารับ จำเลยก็ต้องรับ และตามที่สิบตำรวจโทอิทธิพลเบิกความต่อไปว่า ถ้าได้ตัวนายสมานก็จะปล่อยจำเลยนั้นก็เห็นได้ชัดว่าคงจะปล่อยสำหรับข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเท่านั้น ซึ่งก็เป็นการกระทำเพื่อให้ได้ตัวผู้กระทำผิดไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นผู้ใดกรณีก็ยังไม่เข้าลักษณะชักจูงหรือกระทำด้วยวิธีการใด ๆ ที่จะให้จำเลยให้การรับสารภาพ อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวคงเป็นเพียงชั้นจับกุมชั้นสอบสวนไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ให้การปฏิเสธตั้งแต่แรกเช่นเดียวกับชั้นจับกุมที่ว่าเฮโรอีนของกลางที่ค้นพบไม่ใช่ของจำเลยแต่เป็นของนายสมานพ่อตาจำเลยแต่อย่างใด และยังปรากฏชัดว่าจำเลยให้การรับสารภาพตามบันทึกคำให้การเอกสารหมาย จ.8 โดยระบุเรื่องที่อยู่ด้วยว่า ปัจจุบันจำเลยพักอยู่บ้านเลขที่ 97 หมู่ที่ 2 ตำบลหนองกระโดน อำเภอเมืองนครสวรรค์จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นบ้านที่เกิดเหตุด้วย ที่จำเลยนำสืบต่อสู้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพโดยไม่สมัครใจจึงไม่มีน้ำหนักพอเพียงจะรับฟังได้เช่นนั้นพยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงปราศจากข้อสงสัย รับฟังได้ว่าเฮโรอีนที่ค้นพบนั้นเป็นของจำเลย พยานหลักฐานจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยมีเฮโรอีน 6 ถุง และ35 หลอด ของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์สำหรับข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น