คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องของโจทก์ระบุแจ้งชัดว่าโจทก์เป็นนิติบุคคล จำเลยกล่าวในคำให้การว่า โจทก์จะเป็นนิติบุคคลหรือไม่จำเลยไม่รู้ และไม่รับรอง ดังนี้ ถือว่าคำให้การดังกล่าวนี้ ไม่ใช่เป็นคำให้การปฏิเสธว่าโจทก์ไม่ใช่เป็นนิติบุคคล จึงย่อมถือว่าไม่มีข้อต่อสู้ในคำให้การของจำเลย อันเป็นประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคล ขณะนี้นายชิวโล้ แซ่ตั๊นเป็นนายกสมาคม จำเลยทำสัญญาเช่าบ้าน จากโจทก์แล้ว ผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่า โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาและส่งสถานที่เช่าคืน จำเลยไม่ยอมคืน จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่า โจทก์จะเป็นนิติบุคคลโดยมีนายโล้ เป็นนายกสมาคมถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ จำเลยไม่ทราบ ทั้งไม่รับรองด้วย คำให้การนอกนั้นต่อสู้ในเรื่องเช่า
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลย
แต่ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องของโจทก์ได้ระบุมาแจ้งว่า โจทก์เป็นนิติบุคคล ส่วนคำให้การ ของจำเลย เป็นแต่กล่าวว่า โจทก์จะเป็นนิติบุคคลหรือไม่ จำเลยไม่รู้ และไม่รับรอง คำให้การดังกล่าวนี้ไม่ใช่เป็นคำให้การปฏิเสธว่าโจทก์ไม่ใช่เป็นนิติบุคคลตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๑๗๗ บัญญัติให้จำเลยแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่า จำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน แต่คำให้การของจำเลยดังที่กล่าวแล้วหาได้ปฏิบัติตามที่กฎหมายบังคับไว้ไม่ เมื่อคำให้การของจำเลยไม่ได้ให้การปฏิเสธคำฟ้องของโจทก์ ก็ย่อมถือว่าไม่มีข้อต่อสู้ในคำให้การของจำเลยอันเป็นประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบ
จึงพร้อมกันพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาข้ออื่นต่อไป

Share