แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยว่ากระทำอนาจารและลักทรัพย์ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารข้อหาฐานลักทรัพย์ให้ยกโจทก์แต่ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ดังนี้ข้อหาฐานอนาจารจึงถึงที่สุดแล้ว แม้ศาลอุทธรณ์จะฟังว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์อีกกะทงหนึ่งก็ตาม ศาลอุทธรณ์จะพิพากษารวมกะทงลงโทษจำเลยโดยเอาโทษฐานอนาจารซึ่งถึงที่สุดแล้วมารวมเข้าด้วย(โดยพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ตาม ก.ม.อาญา ม.288 กะทงหนึ่ง และ ม. 246 อีกกะทงหนึ่ง แต่รวมกะทงลงโทษจำเลยให้จำคุกจำเลย 1 ปี ฯลฯ) ดังนี้หาเป็นการชอบไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำอนาจาร น.ส. บุญธรรม และลักเข็มขัดเงิน ๑ สาย ราคา ๗๐ บาท กับสร้อยลูกประคำ ๑ เส้น ราคา ๕๐๐ บาท ของ น.ส. บุญธรรมไป ขอให้ลงโทษ
จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยจักษุพิการไม่อาจกระทำผิดดังฟ้องโจทก์ได้
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยกระทำอนาจารแต่ไม่เชื่อว่าจำเลยลักทรัพย์ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ก.ม. อาญา ม. ๒๔๖ จำคุก ๓ เดือน และปรับ ๕๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ภายใน ๕ ปี ยกข้อหาฐานลักทรัพย์
โจทก์(ฝ่ายเดียว) อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ด้วย
ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าจำเลยลักทรัพย์ของน.ส. บุญธรรม ตามฟ้องไปจริง จำเลยต้องมีความผิดฐานลักทรัพย์อีกกะทงหนึ่ง แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าความผิดฐานนี้ต่อเนื่องกับความผิดฐานกระทำอนาจาร พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ก.ม. อาญา ม. ๒๘๘ กะทงหนึ่ง และผิดตาม ม. ๒๔๖ อีกกะทงหนึ่ง แต่รวมกะทงลงโทษจำเลยให้จำคุกจำเลย ๑ ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๕๗๐ บาท แก่ผู้เสียหายด้วย
จำเลยฎีกา ขอให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อที่ต้องวินิจฉัยในชั้นนี้คงมีว่า จำเลยได้ลักทรัพย์ของ น.ส. บุญธรรม ไปจริงหรือไม่ ส่วนข้อหาฐานกระทำอนาจารยุติเพียงศาลชั้นต้นแล้ว และศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยเคยลักทรัพย์ไปตามฟ้องจริง คดีควรฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์อีกกะทงหนึ่ง แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษารวมกะทงลงโทษจำเลยโดยเอาโทษฐานกระทำอนาจารซึ่งถึงที่สุดแล้วมารวมเข้าด้วยหาเป็นการชอบไม่
พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ จำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ ตาม ก.ม.อาญา ม.๒๘๘ อีกกะทงหนึ่งให้จำคุก จำเลย ๖ เดือน ให้จำเลยคืนหรือให้ราคาทรัพย์ ๕๗๐ บาท แก่ผู้เสียหายด้วย ส่วนโทษฐานกระทำอนาจารคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น