คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 940/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานยักยอกทรัพย์นั้น โจทก์ฟ้องระบุวันที่จำเลยรับมอบทรัพย์และระบุวันที่จำเลยยักยอกทรัพย์ระหว่าง 6 วัน แม้จะไม่ได้ระบุเวลากลางวันหรือกลางคืน ก็ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่า หมายถึงทั้งเวลากลางวันและเวลากลางคืนในระหว่าง 6 วันที่ระบุมาในฟ้องนั้น จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวัน ๑๙ กันยายน ๒๔๘๙ จำเลยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รักษาโคแม่ลูก ๒ ตัวราคา ๖๐๐ บาท ของนายปรุง รุ่งเรืองศรีไว้ ต่อมาระหว่างวันที่ ๑๙ ถึงวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๔๘๙ จำเลยได้มีเจตนาทุจจริตเบียดบังซ่อนเร้นโคแม่ลูก ๒ ตัวนี้ไปเป็นประโยชน์ส่วนตนเสียขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม. ๓๑๔.
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ไม่ระบุเวลา ขัดต่อ ป.ม.วิ.อาญา ม. ๑๕๘ จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ทำการพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดีความ
จำเลยฎีกา.
ศาลฎีกาเห็นว่า ป.ม.วิ.อาญา ม. ๑๕๘(๕) นั้นหาได้บังคับไว้โดยฉะเพาะเจาะจงว่าในฟ้องจะต้องระบุว่า เหตุเกิดในเวลากลางคืนหรือเวลากลางวันเสมอไปไม่ การกระทำบางอย่างอาจไม่มีขณะ หรืออาจเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันตลอดไปหลาย ๆ วัน และฉะเพาะในความผิดฐานยักยอกนี้ การกระทำที่เรียกว่า คิดทุจจริตเบียดบังเอาทรัพย์นั้นไว้เป็นอาณาประโยชน์ของมัน หรือของผู้อื่นนั้น อาจมีกรณีที่ต้องแสดงกิริยาอาการต่าง ๆ กันหลางอย่าง หลายประการเป็นหลาย ๆ ขณะได้ ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ได้ระบุแล้วว่า จำเลยได้ทุจจริตกระทำการเบียดบังซ่อนเร้นในระหว่างวันที่ ๑๙ ถึง ๒๔ กันยายน ๒๔๘๙ ซึ่งหมายถึงในระหว่าง ๖ วันนั้น ทั้งกลางวันและกลางคืน จำเลยย่อมเข้าใจข้อหาได้ดีตลอดอยู่แล้ว ฟ้องของโจทก์ไม่เคลื่อบคลุมจึงพิพากษายืน.

Share