แหล่งที่มา : ADMIN
ย่อสั้น
จำเลยเช่านาพิพาทจากผ.ต่อมาผ.ขายนาพิพาทให้ผู้เสียหายผู้เสียหายต้องรับโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผ.ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524คือต้องให้จำเลยใช้นาแปลงพิพาทต่อไปผู้เสียหายจึงไม่มีสิทธิที่จะไถทับที่นาซึ่งจำเลยปลูกข้าวไว้การที่จำเลยเก็บเกี่ยวข้าวในที่นาแปลงพิพาทจึงแสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะเก็บเกี่ยวข้าวที่จำเลยได้หว่านไว้แม้จะปรากฏว่าผู้เสียหายได้ไถทับที่นาและปลูกต้นข้าวไว้ในนาพิพาทก็ตามแต่โดยสภาพของต้นข้าวที่ขึ้นมาจำเลยไม่น่าจะแยกได้ว่าเป็นต้นข้าวที่ตนหว่านไว้หรือเป็นต้นข้าวที่ผู้เสียหายปลูกไว้จำเลยจึงไม่มีเจตนาทุจริตที่จะลักต้นข้าวของผู้เสียหายจึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ทั้ง สอง ได้ ร่วมกัน ลัก ต้นข้าว ซึ่ง เป็นพืช พันธ์ ที่ ได้ มา จาก การ กสิกรรม ขอ ให้ ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83 ริบ เคียว ของกลาง
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย ทั้ง สอง มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83 ให้ จำคุก คนละ 1 ปี
จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ เห็น ว่า การ กระทำ ของ จำเลย ขาด เจตนา ทุจริต พิพากษากลับ ให้ ยกฟ้อง
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ‘ข้อเท็จจริง ที่ ไม่ ได้ โต้แย้ง กัน ฟัง ได้ว่า ที่นา แปลง พิพาท นั้น แต่ เดิม เป็น ของ นาย ผล คำมินเศษ ตามหนังสือ รับรอง การ ทำ ประโยชน์ เอกสาร หมาย จ.1 ผู้เสียหาย ได้ ซื้อที่นา แปลง ดังกล่าว เมื่อ วันที่ 25 ตุลาคม 2525 ส่วน ปัญหา ที่ ว่าจำเลย ทั้ง สอง เก็บเกี่ยว ข้าว โดย เจตนา ลัก ทรัพย์ ผู้เสียหายหรือไม่ นั้น ได้ ความ จาก การ นำสืบ ของ จำเลย ทั้ง สอง ว่า จำเลย ที่1 ได้ เช่า ที่นา แปลง ดังกล่าว จาก นาย ผล ใช้ ทำนา ตั้งแต่ ปี 2524โดย ไม่ มี กำหนด เวลา เช่า ระหว่าง การ เช่า นาย ผล ได้ ขาย ที่นาแปลง พิพาท ให้ แก่ นาง พิม คำมินเศษ ผู้เสียหาย และ ข้อเท็จจริง ในปัญหา ดังกล่าว ได้ ความ จาก คำเบิกความ ของ นาย สุภา คำมินเศษ พยานโจทก์ ว่า ใน ฤดู ทำนา ปี 2526 จำเลย ทั้ง สอง ได้เข้า ไป ไถ ที่นา แปลงพิพาท และ หว่าน ข้าว ไว้ ผู้เสียหาย ทราบ จึง ไป ไถ ทับ ที่นา และปลูก ต้นข้าว ไว้ เมื่อ เป็น เช่นนี้ จึง เห็น ได้ ว่า การ ที่ จำเลยทั้ง สอง เข้า ไป ไถนา และ หว่านข้าว ใน ที่นา แปลง พิพาท นั้น เพราะจำเลย ทั้ง สอง ถือ ว่า ตน มี สิทธิ ทำนา โดย จำเลย ที่ 1 ได้ เช่านาแปลง พิพาท จาก นาย ผล เจ้าของ เดิม ตั้งแต่ ก่อน ที่ นาย ผล จะ ขายให้ แก่ ผู้เสียหาย หาก จำเลย ทั้ง สอง ไม่ ได้ เช่า ที่นา แปลง พิพาทแล้ว จำเลย ทั้ง สอง ก็ ไม่ อาจ ที่ จะ ทำนา ใน ที่นา แปลง พิพาท ก่อนที่ นาย ผล จะ ขาย ให้ แก่ ผู้เสียหาย และ ไม่ มี เหตุ อันใด ที่ จำเลยทั้ง สอง จะ ไป ไถนา และ หว่าน ข้าว ใน ที่นา พิพาท เมื่อ นาย ผล ได้ขาย ให้ แก่ ผู้เสียหาย แล้ว เมื่อ จำเลย ที่ 1 เป็น ผู้ เช่า ที่นาแปลง พิพาท จำเลย ทั้ง สอง จึง ได้ รับ ประโยชน์ ตาม พระราชบัญญัติการเช่าที่ดิน เพื่อ เกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 28 ซึ่ง บัญญัติ ว่าการ เช่านา ย่อม ไม่ ระงับ ไป เพราะ เหตุ โอน กรรมสิทธิ์ นา ที่ เช่าผู้ รับโอน ต้อง รับ ไป ทั้ง สิทธิ และ หน้าที่ ของ ผู้โอน ที่ มี ต่อผู้ เช่านา เมื่อ ผู้เสียหาย ได้ ซื้อ ที่นา แปลง พิพาท จาก นาย ผลหลังจาก จำเลย ที่ 1 ได้ เช่า ที่นา แปลง พิพาท จาก นาย ผล แล้ว 1 ปีผู้เสียหาย จึง มี หน้าที่ ที่ จะ ต้อง ให้ จำเลย ทั้ง สอง ใช้ นา แปลงพิพาท ปลูกข้าว ต่อไป และ ผู้เสียหาย ไม่ มี สิทธิ ที่ จะ ไถ ทับ ที่นาซึ่ง จำเลย ทั้ง สอง ปลูก ข้าว ไว้ เมื่อ จำเลย ทั้ง สอง ได้ ไถนา และหว่านข้าว ใน ที่นา แปลง พิพาท ไว้ ดังนั้น การ ที่ จำเลย ทั้ง สองมา เก็บเกี่ยว ข้าว ใน ที่นา แปลง พิพาท จึง แสดง ว่า จำเลย ทั้ง สองมี เจตนา ที่ จะ เก็บเกี่ยว ข้าว ที่ ได้ หว่าน ไว้ แม้ จะ ปรากฏ ว่าผู้เสียหาย ได้ ไถ ทับ ที่นา แปลง พิพาท และ ปลูก ต้นข้าว ไว้ ก็ ตามแต่ โดย สภาพ ของ ต้นข้าว ที่ ขึ้น มา นั้น จำเลย ทั้ง สอง ไม่ น่า จะแยก ได้ ว่า เป็น ต้นข้าว ที่ ตน หว่าน ไว้ หรือ เป็น ต้นข้าว ที่ผู้เสียหาย ปลูก ไว้ การ เก็บเกี่ยว ข้าว ของ จำเลย ทั้ง สอง จึง ไม่ได้ แสดง ให้ เห็น ว่า จำเลย ทั้ง สอง มี เจตนา ที่ จะ ลัก ต้นข้าว ที่ผู้เสียหาย ปลูก ไว้ ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ชอบ แล้ว ฎีกา โจทก์ ฟัง ไม่ขึ้น
พิพากษา ยืน’