คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9325/2539

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยทำสัญญาจ้างทำของไว้โดยมีข้อตกลงว่า หากมี กรณีพิพาทอันเกิดจากการปฏิบัติงานตามสัญญานี้ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงให้มีการชี้ขาดโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยประเทศไทยเป็นอนุญาโตตุลาการ ตามข้อความดังกล่าว เป็นการตกลงให้มีการระงับข้อพิพาทโดยทางอนุญาโตตุลาการ โจทก์จำต้อง ปฏิบัติตามสัญญา เมื่อโจทก์ฟ้องคดีโดยมิได้เสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการก่อน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2532 จำเลยว่าจ้างโจทก์สร้างเสาเข็มเจาะ 130 ต้น ในราคา 14,500,000 บาทภายในเวลา 130 วัน นับแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2532 อันเป็นวันเริ่มต้นก่อสร้าง ตกลงชำระค่าจ้าง 500,000 บาท ในวันทำสัญญาและ 2,400,000 บาท ในวันเริ่มต้นก่อสร้าง ส่วนที่เหลือตกลงชำระเป็นงวดแต่ละงวดชำระเมื่อโจทก์ก่อสร้างเสร็จครบ 30 วันเฉพาะงวดสุดท้ายตกลงให้ชำระภายใน 7 วันหลังจากจำเลยทดสอบการรับน้ำหนักเสาเข็มเจาะซึ่งต้องใช้เวลา 15 วัน หลังครบกำหนดตามสัญญาหลังจากทำสัญญาโจทก์และจำเลยตกลงลดจำนวนเสาเข็มเจาะและต่ออายุสัญญาออกไป ต่อมาวันที่ 24 พฤษภาคม 2533 โจทก์ก่อสร้างเสาเข็มเจาะตามที่จำเลยต้องการและส่งมอบให้ทดสอบน้ำหนัก หลังจากนั้นวันที่ 11 กรกฎาคม 2533 โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระค่าจ้างงวดสุดท้ายที่เหลือ 3,468,392.78 บาท วันที่ 25 กันยายน 2533จำเลยชำระค่าจ้าง 1,200,000 บาท วันที่ 15 มีนาคม 2534 จำเลยนำเงินทดรองจ่ายล่วงหน้าในการซ่อมแซมเสาเข็มเจาะ 440,000 บาทมาหักกลบลบหนี้ตามที่โจทก์ยินยอม แต่ไม่ชำระค่าจ้างที่เหลือ1,828,392.78 บาท จึงต้องรับผิดชำระเงินดังกล่าว ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 2,172,076.78 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 1,828,392.78 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ตามสัญญาข้อ 13 กำหนดให้โจทก์ตั้งอนุญาโตตุลาการชี้ขาดในข้อพิพาทก่อน เมื่อยังไม่มีการตั้งอนุญาโตตุลาการโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มิได้เสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดก่อนตามสัญญาเอกสารหมาย จ.5 ข้อ 13เป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530 มาตรา 10โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ฎีกาข้อแรกว่า จำเลยมิได้ยื่นคำร้องต่อศาลก่อนวันสืบพยาน ถือได้ว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายได้สละสิทธิตามสัญญาแล้ว เห็นว่า จำเลยได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาเอกสารหมาย จ.5 ข้อ 13 เมื่อยังไม่มีการตั้งอนุญาโตตุลาการให้ชี้ขาด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องฉะนั้นจำเลยจึงไม่ได้สละสิทธิตามสัญญาดังที่โจทก์ฎีกา และเมื่อโจทก์ไม่ได้ปฏิบัติตามสัญญาโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
โจทก์ฎีกาข้อสุดท้ายว่า ข้อความในสัญญาเอกสารหมาย จ.5ไม่ได้บังคับให้คู่กรณีจำต้องมอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยทุกกรณี ไม่เป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคดีมาฟ้องศาลข้อความในสัญญาไม่ได้บังคับให้คู่สัญญาต้องตั้งอนุญาโตตุลาการเสียก่อนแล้วจึงนำคดีมาฟ้องศาล เห็นว่า ข้อเท็จจริงยุติตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สัญญาเอกสารหมาย จ.5 ข้อ 13 ระบุว่าหากมีกรณีพิพาทอันเกิดจากการปฏิบัติงานตามสัญญานี้ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงให้มีการชี้ขาดโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยประเทศไทย เป็นอนุญาโตตุลาการ เห็นว่า ตามข้อความดังกล่าวโจทก์จำเลยตกลงให้มีการระงับข้อพิพาทโดยทางอนุญาโตตุลาการโจทก์จำต้องปฏิบัติตามสัญญา เมื่อโจทก์ฟ้องคดีโดยมิได้เสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการก่อน จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำหน่ายคดีโจทก์นั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share