คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 928/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา2

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันและแทนกันทำการจัดสรรที่ดินให้โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อ แล้วจำเลยทั้งสามประพฤติผิดสัญญาโดยไม่จัดการทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำผ่านหน้าที่ดินของโจทก์และที่ดินที่จำเลยร่วมกันจัดสรรทุกแปลง จึงฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดตามสัญญาเป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ได้มีการจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 2 ขึ้นก่อนต่อมามีความจำเป็นต้องใช้ทุนมากจึงได้จัดตั้งบริษัทจำเลยที่ 1 ขึ้นแต่ก็มีวัตถุประสงค์ในการซื้อขายที่ดินเช่นเดียวกันจำเลยที่ 1 ได้ออกใบรับเงินค่าเช่าซื้อที่ดินให้โจทก์หลายฉบับ และยังมีหนังสือถึงโจทก์เกี่ยวกับการทำถนนและท่อระบายน้ำชี้แจงให้โจทก์ทราบว่า ได้ว่าจ้างผู้รับเหมาให้ทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำแล้ว โดยกรรมการผู้จัดการลงชื่อและประทับตราบริษัทจำเลยที่ 1 ในหนังสือนั้น เห็นได้ว่า จำเลยที่ 1 ยินยอมรับเอากิจการจัดสรรที่ดินของจำเลยที่ 2 มาดำเนินการร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วย และยินยอมที่จะปฏิบัติตามสัญญาเช่าซื้อที่จำเลยที่ 2 ทำไว้กับโจทก์ แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ลงนามในสัญญาเช่าซื้อ จำเลยที่ 1 ก็ต้องรับผิดร่วมด้วย ส่วนจำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างฯ จำเลยที่ 2 ซึ่งจะต้องร่วมรับผิดในหนี้สินของห้างฯ จำเลยที่ 2 โดยไม่มีจำกัดจำนวนจึงต้องรับผิดเป็นส่วนตัวร่วมกับจำเลยที่ 2 ด้วย ดังนั้น โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 3 ได้
เหตุที่จำเลยจะไม่ต้องรับผิดเป็นประเด็นสำคัญแห่งคดีจำเลยจะต้องให้การโดยชัดแจ้ง เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การไว้ การนำสืบถึงประเด็นนั้นจึงเป็นการนำสืบนอกประเด็นที่ให้การไว้ รับฟังไม่ได้
นับตั้งแต่จำเลยจัดสรรที่ดินให้เช่าซื้อ และโจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อจนส่งเงินค่าเช่าซื้อครบถ้วนเป็นเวลาหลายปีจำเลยมีโอกาสขวนขวายจัดหาซื้อวัสดุก่อสร้างเตรียมไว้ดำเนินการตามสัญญาเช่าซื้อได้การที่วัสดุก่อสร้างมีราคาแพงขึ้นมิใช่ว่าจะหาซื้อไม่ได้เสียทีเดียว ในกรณีเช่นนี้ไม่ใช่เหตุสุดวิสัยอันจะทำให้การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยและจำเลยหลุดพ้นจากการชำระหนี้เมื่อจำเลยไม่จัดทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำตามสัญญาเช่าซื้อ จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาต้องรับผิดต่อโจทก์
ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ โจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันจัดทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำผ่านหน้าที่ดินจัดสรรของโจทก์ให้เสร็จเรียบร้อยตามสัญญาเช่าซื้อภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลพิพากษา ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 213 วรรค 2 บัญญัติถึงกรณีที่สภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับชำระหนี้ได้ ถ้าวัตถุแห่งหนี้เป็นอันให้กระทำการอันใดอันหนึ่ง เจ้าหนี้จะร้องขอต่อศาลให้สั่งบังคับให้บุคคลภายนอกกระทำการอันนั้น โดยให้ลูกหนี้เสียค่าใช้จ่ายก็ได้ แต่โจทก์มิได้มีคำขอให้ศาลพิพากษาว่าหากจำเลยไม่ทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำให้โจทก์จ้างบุคคลภายนอกทำโดยให้จำเลยทั้งสามเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย ดังนั้น ที่ศาลพิพากษาว่าหากจำเลยไม่ทำให้โจทก์จ้างบุคคลภายนอกทำโดยให้จำเลยทั้งสามเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 213 วรรค 2 จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ส่วนที่ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามจัดทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำ และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันเสียเบี้ยปรับให้แก่โจทก์ด้วยนั้นตามสัญญาเช่าซื้อมีว่า”หากผู้ให้เช่าซื้อผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใดยอมให้ผู้เช่าซื้อฟ้องร้องเรียกเบี้ยปรับ และให้บังคับตามกฎหมายทั้งยอมให้ผู้เช่าซื้อปรับเป็นเงินอีกหนึ่งเท่าของจำนวนเงินที่ผู้เช่าซื้อได้ชำระให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อไปแล้วอีกโสดหนึ่งด้วย” สัญญาเช่าซื้อระบุชัดเช่นนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามสัญญาคือทำถนนคอนกรีต ท่อระบายน้ำและเรียกร้องเอาเบี้ยปรับได้ทั้งสองกรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 381 วรรคแรก
สัญญาเช่าซื้อมีข้อความว่า “ยอมให้ผู้เช่าซื้อปรับเป็นเงินอีกหนึ่งเท่าของจำนวนเงินที่ผู้เช่าซื้อได้ชำระให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อไป” หมายความว่า จำเลยยอมให้โจทก์ปรับเงินเท่ากับเงินค่าเช่าซื้อที่โจทก์ชำระให้จำเลยไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นบริษัทจำกัด มีจำเลยที่ 3 เป็นกรรมการจัดการมีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทแต่ผู้เดียว จำเลยที่ 2 เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีวัตถุประสงค์ทำการซื้อขายที่ดิน อาคารบ้านเรือน และสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ โจทก์ได้เช่าซื้อที่ดินจัดสรรของจำเลยทั้งสาม ซึ่งจำเลยแบ่งขายตามสัญญาเช่าซื้อ จำเลยทั้งสามในฐานะผู้ให้เช่าซื้อต้องทำถนนคอนกรีต ติดตั้งสายเมนไฟฟ้า เมนประปา และทำท่อระบายน้ำผ่านที่ดินทุกแปลงให้แล้วเสร็จก่อนการผ่อนส่งเงินหมดเป็นอย่างช้าหากผิดสัญญายอมให้ผู้เช่าซื้อฟ้องเรียกร้องเบี้ยปรับและให้บังคับได้ตามกฎหมาย ทั้งยอมให้ผู้เช่าซื้อปรับเป็นเงินอีกเท่าหนึ่งของจำนวนเงินซึ่งผู้เช่าซื้อได้ชำระให้แก่ผู้ให้เช่าซื้ออีกโสดหนึ่งด้วย นับแต่เช่าซื้อโจทก์ได้เข้าครอบครองที่ดินที่เช่าซื้อ ปลูกบ้านอยู่อาศัยและชำระเงินครบถ้วน จำเลยทั้งสามได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์แล้วแต่จำเลยทั้งสามผิดสัญญา ไม่ทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำผ่านหน้าที่ดินโจทก์ และที่ดินที่จำเลยร่วมกันจัดสรรทุกแปลงให้แล้วเสร็จก่อนการผ่อนส่งเงินหมดเป็นอย่างช้า ทำให้โจทก์เสียหายในการใช้ถนนหน้าที่ดินของโจทก์เพื่อออกไปสู่ถนนหลวง ทำให้รถยนต์เสียหายและน้ำท่วมที่ดินของโจทก์ทำให้ต้นไม้ที่ปลูกไว้ตายหมด โจทก์ได้มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยทั้งสามจัดการทำถนนและท่อระบายน้ำ แต่จำเลยทั้งสามเพิกเฉย โจทก์ชำระเงินค่าเช่าซื้อที่ดินไปเป็นเงิน 69,705 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำผ่านหน้าที่ดินจัดสรรของโจทก์ให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 1 เดือนนับแต่วันศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันและแทนกันชำระเบี้ยปรับให้โจทก์เป็นเงิน 139,410 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยทั้งสามไม่ได้ร่วมกันหรือแทนกันในการจัดสรรที่ดิน จำเลยที่ 1 ไม่ใช่คู่สัญญากับโจทก์ จำเลยที่ 3 กระทำแทนจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิด โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 3 เคลือบคลุมจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญากับบริษัทรับเหมาให้มาทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำตลอดหน้าที่ดินที่จัดสรรทั้งหมด แต่หลังจากโจทก์และจำเลยที่ 2 ทำสัญญาเช่าซื้อกันวัสดุก่อสร้างราคาแพงขึ้น และบางอย่างหาไม่ได้ บริษัทรับเหมาต้องหยุดงาน นับว่าเป็นเหตุสุดวิสัย จำเลยที่ 2 จึงหลุดพ้นจากความรับผิด และตามสัญญาเช่าซื้อโจทก์มีสิทธิเรียกเบี้ยปรับได้เท่ากับ เงินค่าเช่าซื้อที่ชำระแล้วเป็นเงิน 69,705 บาทเท่านั้น
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันจัดการทำถนนและท่อระบายน้ำผ่านหน้าที่ดินจัดสรรของโจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อให้เสร็จเรียบร้อยภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลพิพากษา หากจำเลยไม่ทำให้โจทก์จ้างบุคคลภายนอกทำโดยให้จำเลยทั้งสามเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 213 วรรคสอง และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเบี้ยปรับให้แก่โจทก์เป็นเงิน 69,705 บาท
โจทก์และจำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์และจำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยทั้งสามเคลือบคลุม เห็นว่าจำเลยที่ 3 แต่ผู้เดียวต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 เคลือบคลุม จึงต้องพิจารณาเฉพาะฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 ว่า เคลือบคลุมหรือไม่เท่านั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันและแทนกันทำการจัดสรรที่ดินให้โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อ แล้วจำเลยทั้งสามประพฤติผิดสัญญาโดยไม่จัดการทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำผ่านหน้าที่ดินของโจทก์ และที่ดินที่จำเลยร่วมกันจัดสรรทุกแปลงจึงฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดตามสัญญาเป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาสำหรับจำเลยที่ 3 แล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 3 เพราะจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ และจำเลยที่ 3 กระทำการแทนจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคล จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว เห็นว่า ได้มีการจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดสุขสันต์ที่ดินจำเลยที่ 2 ขึ้นก่อน ต่อมามีความจำเป็นต้องใช้ทุนมาก จึงได้จัดตั้งบริษัท อ. สุขสันต์พาณิชย์ จำกัด จำเลยที่ 1 ขึ้น แต่ก็วัตถุประสงค์ในการซื้อขายที่ดินเช่นเดียวกัน จำเลยที่ 1 ได้ออกใบรับเงินค่าเช่าซื้อที่ดินให้โจทก์หลายฉบับ และยังมีหนังสือถึงโจทก์เกี่ยวกับการทำถนนและท่อระบายน้ำ ชี้แจ้งให้โจทก์ทราบว่าได้ว่าจ้างผู้รับเหมาให้ทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำแล้ว โดยกรรมการผู้จัดการลงชื่อและประทับตราบริษัทจำเลยที่ 1 ในหนังสือนั้น เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 ยินยอมรับเอากิจการจัดสรรที่ดินของจำเลยที่ 2 มาดำเนินการร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วย และยินยอมที่จะปฏิบัติตามสัญญาเช่าซื้อที่จำเลยที่ 2 ทำไว้กับโจทก์ แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ลงนามในสัญญาเช่าซื้อ จำเลยที่ 1 ก็ต้องรับผิดร่วมด้วย ส่วนจำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างฯ จำเลยที่ 2 ซึ่งจะต้องร่วมรับผิดในหนี้สินของห้างฯ จำเลยที่ 2 โดยไม่มีจำกัดจำนวน จึงต้องรับผิดเป็นส่วนตัวร่วมกับจำเลยที่ 2 ด้วยโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 3 ได้
ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยทั้งสามไม่ต้องรับผิดเพราะจำเลยมิได้ผิดสัญญาและการชำระหนี้เป็นการพ้นวิสัย เห็นว่าโจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาเช่าซื้อโดยไม่ทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำให้เสร็จก่อนการผ่อนส่งเงินหมดเป็นอย่างช้า โจทก์ชำระเงินค่าเช่าซื้อครบถ้วน และจำเลยได้แบ่งแยกโฉนดที่ดินให้โจทก์แล้วก็ไม่ทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำจำเลยให้การแต่เพียงว่า หลังจากที่จำเลยที่ 2 ทำสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์แล้วเกิดภาวะของแพงและวัสดุสำหรับก่อสร้างบางอย่างหาซื้อไม่ได้ และจำเลยได้ว่าจ้างผู้รับเหมาทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำ แต่ผู้รับเหมาละทิ้งการงานเป็นเหตุสุดวิสัยที่จะปฏิบัติการตามสัญญาได้ จำเลยไม่ต้องรับผิด จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่า จำเลยไม่ได้ผิดสัญญาเพราะเหตุที่ผู้เช่าซื้อที่ดินทั้งหมดยังผ่อนชำระค่าเช่าซื้อไม่หมด จำเลยยังไม่มีหน้าที่ต้องทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำตามสัญญาเช่าซื้อ เหตุที่จำเลยจะไม่ต้องรับผิดดังกล่าวเป็นประเด็นสำคัญแห่งคดี จำเลยจะต้องให้การโดยชัดแจ้ง การที่จำเลยนำสืบว่าผู้เช่าซื้อที่ดินจากจำเลยทั้งหมดยังผ่อนชำระค่าเช่าซื้อไม่หมด จำเลยยังไม่มีหน้าที่ต้องทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำตามสัญญาเช่าซื้อจึงเป็นการนำสืบนอกประเด็นที่ให้การไว้รับฟังไม่ได้ ส่วนที่จำเลยนำสืบว่าเหตุที่ยังไม่ได้ทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำเพราะวัสดุแพงขึ้นและหาซื้อได้ยาก ผู้รับเหมาก่อสร้างมิได้ทำการก่อสร้างเพราะวัสดุก่อสร้างราคาแพงขึ้น และหาซื้อได้ยาก การชำระหนี้เป็นการพ้นวิสัยนั้น เห็นว่านับตั้งแต่จำเลยจัดสรรที่ดินให้เช่าซื้อ และโจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อจนส่งเงินค่าเช่าซื้อครบถ้วนเป็นเวลาหลายปี จำเลยมีโอกาสขวนขวายจัดหาซื้อวัสดุก่อสร้างเตรียมไว้ดำเนินการตามสัญญาเช่าซื้อได้ การที่วัสดุก่อสร้างมีราคาแพงขึ้นมิใช่ว่าจะหาซื้อไม่ได้เสียทีเดียว กรณีเช่นนี้ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย อันจะให้การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัย และจำเลยหลุดพ้นจากการชำระหนี้ เมื่อจำเลยไม่จัดทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำตามสัญญาเช่าซื้อ จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาต้องรับผิดต่อโจทก์
ที่จำเลยฎีกาว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า หากจำเลยไม่ทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำให้โจทก์จ้างบุคคลภายนอกทำโดยให้จำเลยทั้งสามเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 213 วรรคสอง และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเบี้ยปรับให้แก่โจทก์เป็นเงิน 69,705 บาท ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นเห็นว่าตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันจัดทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำผ่านหน้าที่ดินจัดสรรของโจทก์ให้เสร็จเรียบร้อย ตามสัญญาเช่าซื้อภายในกำหนด 1 เดือนนับแต่วันที่ศาลพิพากษา ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 213 วรรคสอง บัญญัติถึงกรณีที่สภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับชำระหนี้ได้ ถ้าวัตถุแห่งหนี้เป็นอันให้กระทำการอันใดอันหนึ่ง เจ้าหนี้จะร้องต่อศาลให้สั่งบังคับให้บุคคลภายนอกกระทำการอันนั้นโดยให้ลูกหนี้เสียค่าใช้จ่ายก็ได้ แต่โจทก์มิได้มีคำขอให้ศาลพิพากษาว่าหากจำเลยไม่ทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำให้โจทก์จ้างบุคคลภายนอกทำโดยให้จำเลยทั้งสามเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายดังนั้น ที่ศาลพิพากษาว่าหากจำเลยไม่ทำ ให้โจทก์จ้างบุคคลภายนอกทำโดยให้จำเลยทั้งสามเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 213 วรรคสอง จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอ
ส่วนที่ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามจัดทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำ และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันเสียเบี้ยปรับให้แก่โจทก์ด้วยนั้น เห็นว่าตามสัญญาเช่าซื้อมีข้อความว่า “หากผู้ให้เช่าซื้อผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด ยอมให้ผู้เช่าซื้อฟ้องร้องเรียกเบี้ยปรับและให้บังคับตามกฎหมาย ทั้งยอมให้ผู้เช่าซื้อปรับเป็นเงินอีกหนึ่งเท่าของจำนวนเงินที่ผู้เช่าซื้อได้ชำระให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อไปแล้วอีกโสดหนึ่งด้วย” สัญญาเช่าซื้อระบุชัดเช่นนี้ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามสัญญา คือทำถนนคอนกรีต ท่อระบายน้ำและเรียกร้องเอาเบี้ยปรับได้ทั้ง 2 กรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 381 วรรคแรก ศาลมีอำนาจพิพากษาบังคับจำเลยตามคำขอของโจทก์ได้ทั้ง 2 กรณีข้อที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ควรได้เบี้ยปรับเงิน 139,410 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นั้น เห็นว่าสัญญาเช่าซื้อมีข้อความว่า “ยอมให้ผู้เช่าซื้อปรับเป็นเงินอีกหนึ่งเท่าของจำนวนเงินที่ผู้เช่าซื้อได้ชำระให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อไป” หมายความว่า จำเลยยอมให้โจทก์ปรับเงินเท่ากับเงินค่าเช่าซื้อที่โจทก์ชำระให้จำเลยไปเงินค่าเช่าซื้อที่โจทก์ชำระให้จำเลยรับไปแล้วเป็นเงิน 69,705 บาท โจทก์มีสิทธิได้เบี้ยปรับเป็นเงิน 69,705 บาท และโจทก์ควรได้รับดอกเบี้ยในจำนวนเงินดังกล่าวด้วย
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันจัดทำถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำผ่านหน้าที่ดินจัดสรรของโจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อให้เสร็จเรียบร้อยภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลพิพากษา และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเบี้ยปรับให้แก่โจทก์เป็นเงิน 69,705 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

Share