คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9255/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่สัญญาประนีประนอมยอมความกำหนดให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ผ่อนชำระเงินเดือนละ 100,000 บาทโดยวิธีนำมาวางศาลเพื่อให้โจทก์รับไปภายในวันสิ้นเดือนของทุกเดือน หากผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมดเป็นการกำหนดเวลาที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะต้องชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน เมื่อมิได้วางเงินตามกำหนดถือว่าผิดนัด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมต่อมาโจทก์ยื่นคำขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี อ้างว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ที่ 2
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2มิได้ประพฤติผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนการบังคับคดีและปล่อยทรัพย์ที่ยึด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 1 ที่ 2
จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้เพิกถอนคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีและเพิกถอนการยึดทรัพย์ ให้ปล่อยทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ผู้แทนโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีกรมบังคับคดีไปทำการยึดไว้ และให้โจทก์เป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมในการยึดทรัพย์ด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่สัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 5กำหนดให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ผ่อนชำระเงินเดือนละ 100,000 บาทโดยวิธีนำมาวางศาลเพื่อให้โจทก์รับไปภายในวันสิ้นเดือนของทุกเดือน เริ่มแต่เดือนสิงหาคม 2533 เป็นต้นไปหากผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมด ยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันทีนั้น หมายความว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 จะต้องนำเงินจำนวน 100,000 บาท มาวางศาลภายในวันสิ้นเดือนของทุกเดือน ซึ่งเป็นการกำหนดเวลาที่จำเลยที่ 1 ที่ 2จะต้องชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2มิได้นำเงินมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ตามกำหนด โดยเพิ่งจะนำเงินที่จะต้องผ่อนชำระในงวดเดือนตุลาคม 2533 มาวางศาลในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2533 และในงวดเดือนพฤศจิกายน 2533จำเลยที่ 1 ที่ 2 นำเงินมาวางศาลในวันที่ 12 ธันวาคม 2533หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ที่ 2 ก็มิได้วางเงินผ่อนชำระให้แก่โจทก์ตามสัญญาอีกเลยเป็นเวลากว่า 1 ปีจนถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2535 จึงวางเงินงวดที่ 6เท่านั้นทั้งที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีหน้าที่ต้องวางเงินเพื่อชำระให้แก่โจทก์ตามสัญญาทุกงวดแม้จะมีข้อพิพาทกันว่าโจทก์จะบังคับคดีได้หรือไม่ก็ตาม การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ถือโอกาสที่มีข้อพิพาทในส่วนนี้แล้วไม่วางเงินตามกำหนดในสัญญาแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ผิดนัดไม่วางเงินโดยเจตนา กรณีถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ผิดนัดทั้งหมดไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
พิพากษากลับเป็นว่า ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ตามคำสั่งศาลชั้นต้น

Share