แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ขายสินค้าต่างๆ ของตนที่มีอยู่ในห้องเช่าให้จำเลย และยอมให้จำเลยใช้สิทธิในห้องนั้นได้ถ้าโจทก์ต้องการเมื่อใด จำเลยก็จะยอมคืนห้องโดยดี จำเลยจึงได้เข้าอยู่ในห้องนั้นต่อมา ดังนี้ ถือว่าจำเลยไม่ใช่ตัวแทนของโจทก์หากจะว่าเป็นผู้ครอบครองแทนในระหว่างสัญญาเช่า เมื่อสิ้นสัญญาเช่าแล้ว โจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยไปทำสัญญาเช่าแทนตนแต่ประการใด จนเจ้าของห้องได้ให้จำเลยเป็นผู้เช่าโดยตรงแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิให้จำเลยคืนห้องแก่โจทก์ได้.
ย่อยาว
ได้ความว่า  ห้องหมายเลขที่ ๑๓๑ – ๑๓๒  ที่พิพาทเป็นของบริษัทเชียงใหม่พาณิชจำกัด  โจทก์ได้ทำสัญญาเช่าไว้จากเจ้าของมีกำหนด ๗ เดือน  ตั้งแต่ ๑ มิถุนายน ๒๔๘๘  สัญญาจะสิ้นอายุในวันสิ้นเดือนธันวาคม ๒๔๘๘    ในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๔๘๘  โจทก์จำเลยทำสัญญาไว้ต่อกันฉะบับหนึ่งมีใจความว่า  โจทก์ขายสินค้าต่าง ๆ ของโจทก์ที่มีอยู่ในห้องพิพาทให้จำเลยและยอมให้จำเลยใช้สิทธิในร้านของโจทก์ได้  ถ้าโจทก์ต้องการร้ายคืนเมื่อใด  จำเลยยอมคืนให้โดยดี  ตั้งแต่นั้นมาจำเลยจึงได้เข้าอยู่ในร้านพิพาท  ครั้งวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๔๘๘   ผู้จัดการบริษัทเชียงใหม่ได้มีหนังสือบอกกล่าวแก่ผู้เช่าห้องของบริษัทซึ่งรวมทั้งโจทก์ด้วยว่าหากประสงค์จะเช่าห้องต่อไป  ก็ให้ไปทำสัญญาเช่าต่อภริยาจำเลยเซ็นทราบคำบอกกล่าวนี้  ต่อมาวันที่ ๒๙  ธันวาคม ๒๔๘๘  จำเลยได้ทำสัญญาเช่าห้องพิพาทกับบริษัทเชียงใหม่ในนามจำเลย  โดยต้องเสียเงินกินเปล่าอีก ๑๐๐๐ บาท
บัดนี้  โจทก์จะเอาห้องคืน  จำเลยไม่ยอมโจทก์จึงฟ้องขอคืนร้านพิพาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนร้านพิพาทแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า  ตามรูปเรื่อง  จำเลยมิใช่ตัวแทนของโจทก์  หากจะว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองในระหว่างสัญญาเช่า  แต่เมื่อสิ้นสัญญาเช่านั้นแล้ว โจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยไปทำสัญญาเช่าแทนแต่ประการใด  จนกจ้าของห้องได้ ให้จำเลยเป็นผู้เช่าโดยตรงเช่นนี้จะมาอ้างว่าจำเลยเป็นผู้แทนตนในการทำสัญญาเช่าฉะบับหลังหาได้ไม่  จึ่งพิพากษายืน.

