คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2268/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ให้เช่ากำหนดให้ผู้เช่าเทพื้นทางด้านหลัง ทำห้องน้ำห้องส้วมใหม่ และผู้เช่าได้กระทำครบถ้วนตามนั้น ก็เป็นการกระทำเพื่อความสะดวกสบายของผู้เช่าในการใช้ทรัพย์สินที่เช่า ไม่มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษที่จะทำให้ผู้เช่ามีสิทธิยิ่งไปกว่าสัญญาเช่าธรรมดา
จำเลยฎีกาเพียงแต่ขอให้สั่งศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ ไม่ได้ขอให้พิพากษาให้จำเลยชนะคดี จึงเสียค่าขึ้นศาลเพียง 50 บาท คือส่วนที่เกิน 50 บาทให้จำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเช่าตึกเลขที่ 290 จากโจทก์มีกำหนด3 ปีนับแต่วันที่ 1 มกราคม 2514 ครบสัญญาในวันที่ 31 ธันวาคม 2516โจทก์มอบอำนาจให้ทนายความมีหนังสือลงวันที่ 11 ธันวาคม 2516 ถึงจำเลยยืนยันการเลิกสัญญาเช่าเมื่อถึงกำหนด ให้ขนย้ายออกไปแต่ไม่ยอมออกจากห้องพิพาท

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ตกลงเช่าห้องพิพาทกัน 9 ปี แต่ทำสัญญากันเพียง 3 ปีก่อน โดยโจทก์กำหนดให้จำเลยเทพื้นทางด้านหลังทำห้องน้ำ ห้องส้วมใหม่ก่อนครอบกำหนดสัญญาเช่า 3 ปี และจะต้องชำระเงินกินเปล่าให้โจทก์ในวันทำสัญญาเช่าที่ยังเหลืออีก 6 ปี เป็นจำนวนเงิน 12,000 บาท ซึ่งจำเลยก็ตกลงและจำเลยได้เทพื้นทำห้องน้ำห้องส้วมก่อนครบกำหนดสัญญาเช่าเรียบร้อยแล้ว จึงเป็นสัญญาต่างตอบแทน ค่าเสียหายก็ไม่เกินเดือนละ 100 บาท ขอให้ศาลพิพากษาบังคับโจทก์ให้จดทะเบียนการเช่าต่อไปอีก 6 ปี ฯลฯ

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ไม่เคยตกลงกับจำเลยว่าจะให้เช่าอยู่ถึง 9 ปี ฯลฯ

วันชี้สองสถาน โจทก์ยอมรับค่าเสียหายเดือนละ 100 บาทตามที่จำเลยให้การ ศาลชั้นต้นเป็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้ววินิจฉัยว่าข้ออ้างของจำเลยไม่มีลักษณะที่จะเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาท กับให้ใช่ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 100 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกไป ให้ยกฟ้องแย้ง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะให้จำเลยสืบพยานและข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์กำหนดให้จำเลยเทพื้นด้านหลัง ทำห้องน้ำห้องส้วมใหม่ และจำเลยได้กระทำครบถ้วนตามนั้น ก็เป็นการกระทำเพื่อความสะดวกสบายของจำเลยในการใช้สอยทรัพย์สินที่เช่านั้น หามีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษที่จะทำให้จำเลยมีสิทธิยิ่งไปกว่าสัญญาเช่าธรรมดาไม่ จำเลยจึงไม่อาจจะอยู่ในห้องพิพาทได้หลังสัญญาเช่าครบกำหนดและโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าต่อไป แต่คดีนี้จำเลยฎีกาเพียงแต่ขอให้สั่งศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ ไม่ได้ขอให้พิพากษาให้จำเลยชนะคดี จำเลยควรเสียค่าขึ้นศาลเพียง 50 บาทตามตาราง 1 ข้อ 2 ก. ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่แก้ไขใหม่

พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 50 บาทแทนโจทก์และคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกิน 50 บาทให้จำเลย

Share