คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 922/2546

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า ที่ดินพิพาทมีชื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองทำประโยชน์แต่โจทก์ได้แย่งการครอบครองและเข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมา การที่จำเลยนำเจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดเพื่อออกโฉนดที่ดินพิพาทโดยที่จำเลยยังไม่ได้เข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินพิพาท ดังนั้น ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่าจำเลยแย่งสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทจึงยังไม่เกิด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทแต่อย่างใด ทั้งในการพิพากษาคดีศาลจะต้องพิพากษาตามคำขอของโจทก์ ซึ่งตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์มิได้ขอให้ศาลห้ามมิให้จำเลยออกโฉนดที่ดินพิพาท แต่กลับขอให้จำเลยจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อผู้มีสิทธิครอบครองการทำประโยชน์เป็นชื่อของโจทก์ จึงไม่มีกรณีจะพิพากษาให้ตามคำขอของโจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า ที่ดินพิพาทคือที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ) เลขที่ 1374/696 หมู่ที่ 1 ตำบลเขาน้อย อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ มีชื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองทำประโยชน์เมื่อประมาณปี 2529โจทก์แย่งการครอบครองและเข้าทำประโยชน์ที่ดินดังกล่าวโดยปลูกบ้านอยู่อาศัยและปลูกพืชผลทางการเกษตร ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคัดค้าน โจทก์จึงได้สิทธิครอบครอง ต่อมาวันที่ 17 สิงหาคม 2538 จำเลยเข้ารบกวนการครอบครองของโจทก์โดยนำเจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัดเพื่อออกโฉนดที่ดิน โจทก์คัดค้านว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของโจทก์ แต่จำเลยยังดำเนินการให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินต่อไป ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้พิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) เลขที่ 1374/696 ตำบลปราณบุรี (ที่ถูกตำบลเขาน้อย) อำเภอปราณบุรีจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ห้ามจำเลยเข้ามาเกี่ยวข้อง ให้จำเลยจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อผู้มีสิทธิครอบครองการทำประโยชน์เป็นชื่อของโจทก์ หากจำเลยเพิกเฉยให้ถือเอาตามคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน

จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ได้เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท โจทก์เข้าอยู่ในที่ดินพิพาทโดยได้รับอนุญาตจากจำเลย การที่จำเลยนำเจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดที่ดินพิพาทเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย จำเลยมิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 1374/696 ตำบลเขาน้อย อำเภอปราณบุรีจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง คำขออื่นให้ยก

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทจำเลยรบกวนการครอบครองของโจทก์โดยนำเจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัดเพื่อออกโฉนด ขอให้พิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทและให้จำเลยจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อผู้มีสิทธิครอบครองในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 1374/696 จากชื่อของจำเลยเป็นชื่อของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาท เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าว โจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่ดินพิพาทตลอดมาดังนั้น เพียงแต่การที่จำเลยนำพนักงานเจ้าหน้าที่ไปรังวัดออกโฉนดที่ดินพิพาทโดยที่จำเลยไม่ได้เข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินพิพาท ข้ออ้างในการที่จำเลยแย่งสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทจึงยังไม่เกิด ทั้งในการพิพากษาคดีศาลจะต้องพิพากษาตามคำขอของโจทก์ซึ่งตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์มิได้ขอให้ศาลขจัดข้อที่โจทก์อ้างว่าถูกจำเลยโต้แย้งสิทธิคือมิได้ขอให้ห้ามมิให้จำเลยออกโฉนดที่ดินพิพาท เมื่อโจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่ดินพิพาทโดยที่จำเลยยังไม่ได้เข้าไปแย่งการครอบครอง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทแต่อย่างใด ทั้งไม่มีกรณีที่จะพิพากษาให้ตามคำขอของโจทก์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share