แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องหาว่าดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136 ข้อเท็จจริงได้ความว่า ขณะที่เกิดเหตุ พนักงานสอบสวนกำลังกินอาหารอยู่กับภรรยาที่บ้านพัก ไม่ใช่เวลาปฏิบัติราชการตามหน้าที่จำเลยไปพูดขอประกันผู้ต้องหาเป็นการส่วนตัว จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยดูหมิ่นเจ้าพนักงานเพราะได้กระทำการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136
เมื่อพนักงานสอบสวนไม่ยอมสั่งอนุญาตให้จำเลยประกันตัวผู้ต้องหาเพราะผิดระเบียบ จำเลยพูดขู่เข็ญว่าถ้าไม่สั่งให้ประกัน จำเลยจะจัดการให้พนักงานสอบสวนถูกย้ายไปที่อื่น เช่นที่เคยกระทำได้ผลมาแล้วแก่ผู้บังคับกอบคนหนึ่ง แต่โดยที่เรื่องย้ายไม่แน่ ถ้าไม่ให้ประกันจะต้องเอาพนักงานสอบสวนลงหลุมฝังศพเสีย เช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการข่มขืนใจ ขู่เข็ญ เจ้าพนักงานให้ถึงแก่ชีวิตด้วยการใช้กำลังประทุษร้ายตามความหมายของถ้อยคำ เพื่อให้เจ้าพนักงานปฏิบัติการสั่งประกันเสียเอง อันมิชอบด้วยหน้าที่ การกระทำของจำเลยเป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 139.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่ และดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๙ และมาตรา ๑๓๖
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดจริง ลงโทษจำคุกจำเลยตามมาตรา ๑๓๖ กำหนด ๓ เดือน ตามมาตรา ๑๓๙ กำหนด ๑ ปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า วันเกิดเหตุเวลา ๑๗.๐๐ น. จำเลยนำคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องหาไปหาร้อยตำรวจตรีมาโนชพนักงานสอบสวน ขณะร้อยตำรวจตรีมาโนชกำลังรับประทานอาหารอยู่กับภรรยาที่บ้านพัก ขั้นแรกจำเลยพูดจาและแสดงกิริยาสุภาพ ครั้นร้อยตำรวจตรีมาโนชถามว่าเอาหลักทรัพย์อะไรมาประกัน จำเลยแสดงอาการไม่พอใจ ใช้มือชี้ข้ามศีรษะร้อยตำรวจรีมาโนชไปยังบ้านจำเลยพูดว่า “บ้านที่ดินผมอยู่ตรงนี้ไง ไม่เห็นหรือ” เมื่อร้อยตำรวจตรีมาโนชบอกให้รอและไปพบกันที่โรงพัก จำเลยโกรธพูดกระชาก ๆ พลางยื่นคำร้องไปตรงหน้าร้อยตำรวจตรีมาโนชว่า “เซ็นอนุญาตเสียเดี๋ยวนี้อย่ามัวเล่นตัวอยู่เลย” ร้อยตำรวจตรีมาโนชพูดว่า ไม่มีอำนาจสั่ง ต้องเขียนบันทึกเสนอตามลำดับขั้น จำเลยพูดว่า “มึงจะให้กูประกันหรือไม่มึงอย่าลืมนะว่าอ้ายหวัดถูกย้ายไปเพราะกู ผู้กองหวัด สวัสดิ์ อิงอร่าม นี่แหละ หรือมึงอยากจะลองดูก็ได้ กูจะเอามึงย้ายภายใน ๗ วัน ลองมึงไม่ให้กูประกัน” และว่า “มึงเป็นเด็กเมื่อวานซืนนี้กูจะเอาให้ย้ายภายใน ๗ วัน อ้ายย้ายยังไม่แน่ ที่แน่คือจะเอามึงลงหลุมฝังศพ” ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อขณะร้อยตำรวจตรีมาโนชกำลังกินอาหารอยู่ที่บ้านกับภรรยา ไม่ใช่เวลาปฏิบัติราชการตามหน้าที่จำเลยไปพูดขอประกันผู้ต้องหาคนหนึ่งเป็นการส่วนตัวมากกว่า จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๖ และเห็นว่าความผิดฐานฉ้อโกงที่จำเลยขอประกัน ร้อยตำรวจตรีมาโนชไม่มีอำนาจสั่งได้เอง มีอำนาจเพียงบันทึกเสนอความเห็นประกอบเรื่องเสนอผู้มีอำนาจเหนือ แต่จำเลยก็เคี่ยวเข็ญจะให้ร้อยตำรวจตรีมาโนชสั่งให้ประกันให้ได้ซึ่งจำเลยคงเข้าใจว่าร้อยตำรวจตรีมาโนชสั่งเองได้ ครั้นไม่ทำตามเพราะผิดระเบียบ จำเลยพูดขู่เข็ญว่า ถ้าไม่สั่งให้จำเลยประกันแล้ว จำเลยจะจัดการให้ร้อยตำรวจตรีมาโนชถูกย้ายไปที่อื่นเช่นที่เคยกระทำได้ผลมาแล้วแก่ผู้บังคับกองคนหนึ่ง แต่โดยที่เรื่องย้ายไม่แน่ ถ้าไม่ให้ประกันก็จะต้องเอาร้อยตำรวจตรีมาโนชลงหลุมฝังศพ เช่นนี้ เห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการข่มขืนใจขู่เข็ญ ร้อยตำรวจตรีมาโนชเจ้าพนักงานให้ถึงแก่ชีวิตด้วยการใช้กำลังประทุษร้ายตามความหมายของถ้อยคำ เพื่อให้เจ้าพนักงานปฏิบัติการสั่งประกันเสียเองอันมิชอบด้วยหน้าที่ แต่ให้เป็นไปตามความต้องการของจำเลย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๙ จึงพิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๙ สถานเดียว จำคุก ๑ ปี.