คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1410/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเช่าห้องพิพาททำการค้าและได้ประกอบการค้าด้วย จึงไม่เป็นเคหะควบคุมและไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน ฯ
เมื่อห้องพิพาทมิใช่เคหะควบคุม แม้จำเลยจะได้แจ้งความจำนงขอเช่าไปให้โจทก์ทราบตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน ฯ การกระทำของจำเลยก็ไม่ผูกมัดโจทก์ เพราะกรณีนี้ไมอยู่ในบทบังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้
เมื่อจำเลยอยู่ในที่เช่าโดยไม่มีสัญญาเช่าหรือสิทธิอะไรตามกฎหมาย โจทก์จะฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยออกไปเมื่อไรก็ย่อมทำได้ ไม่จำเป็นต้องทำการบอกกล่าวกันก่อนแต่ประการใด
เมื่อปรากฏว่าจำเลยขืนอยู่ในห้องพิพาทโดยไม่มีสิทธิที่จะอ้างอิงแต่อย่างใด ถือได้ว่าจำเลยได้ละเมิดสิทธิโจทก์และโจทก์ได้รับความเสียหายแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยและบริวารออกจากห้องเช่าของโจทก์
จำเลยต่อสู้ว่า มารดาจำเลยเช่าห้องจากโจทก์ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน ฯ หลังจากมารดาจำเลยตาย จำเลยได้มีหนังสือแจ้งความประสงค์เช่าตึกนี้ไปยังโจทก์แล้ว ถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้เช่าสืบแทนมารดาจำเลย โจทก์จะขึ้นค่าเช่า จำเลยไม่ยอม โจทก์จึงไม่มาเก็บค่าเช่า โจทก์ไม่เคยบอกกล่าวเลิกการเช่ากับจำเลย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า มารดาจำเลยเช่าห้องพิพาทเพื่อทำการค้า และได้ทำการค้าในห้องพิพาท และเมื่อมารดาตายจำเลยได้ทำการค้าต่อมา จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.๒๕๐๔ โจทก์จำเลยไม่ได้ทำสัญญาเช่าต่อกัน และสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับมารดาจำเลยระงับแล้ว การที่จำเลยอยู่ในห้องของโจทก์เป็นการละเมิดต่อสิทธิโจทก์ ให้จำเลยและบริวารออกไปจากห้องพิพาท และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า นางหงษ์ กนกสุวรรณ มารดาจำเลยได้เช่าห้องพิพาทเพื่อทำการค้าและได้ประกอบการค้าด้วย ไม่ใช่เช่าเป็นที่อยู่อาศัยแต่เพียงอย่างเดียง ห้องพิพาทจึงไม่เป็นเคหะควบคุม ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน ฯ การที่จำเลยแจ้งความจำนงขอเช่าไปให้โจทก์ทราบตามมาตรา ๑๘ แห่ง พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน ฯ ก็ไม่ผูกมัดโจทก์ เพราะกรณีนี้ไม่อยู่ในบทบังคับของพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน ฯ เมื่อจำเลยอยู่ในที่เช่าโดยไม่มีสัญญาเช่า หรือสิทธิอะไรตามกฎหมายที่อ้างแล้ว โจทก์จะฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยออกไปเมื่อไรก็ย่อมทำได้ ไม่จำเป็นต้องทำการบอกกล่าวกันก่อนแต่ประการใด ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยทราบก่อนฟ้องหรือไม่ และเมื่อปรากฏว่าจำเลยขืนอยู่ในห้องรายพิพาทโดยไม่มีสิทธิที่จะอ้างอิงแต่อย่างใด ถือได้ว่าจำเลยได้ละเมิดสิทธิโจทก์ และโจทก์ได้รับความเสียหายแล้ว ค่าเสียหายที่ศาลล่างทั้งสองคิดมาเป็นจำนวนที่สมควรแล้ว
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share