คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ว่า “สัญญาเช่าซื้อนั้น ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือท่านว่าเป็นโมฆะ” นั้น หมายถึงว่า คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายต้องทำหนังสือสัญญานั้นขึ้นด้วย จึงจะผูกพันกันสัญญาเช่าซื้อที่มีแต่ผู้เช่าซื้อลงชื่อเพียงฝ่ายเดียวจึงไม่ผูกพันเจ้าของทรัพย์ที่ถูกอ้างว่าให้เช่าซื้อ
เมื่อฟ้องเรียกทรัพย์มรดกเกินกว่า 1 ปีนับแต่เจ้ามรดกตาย ทายาทผู้ครอบครองทรัพย์มรดกนั้นอยู่ย่อมยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้ และผู้รับมรดกจากทายาทย่อมอ้างสิทธิของทายาทผู้ครอบครองทรัพย์นั้นเป็นข้อต่อสู้ทายาทผู้ฟ้องเรียกมรดกได้เช่นเดียวกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายถึกและนางเหลี่ยม ปาริสุตร์ ได้ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ โจทก์ได้ครอบครองทำประโยชน์ถือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของโดยเปิดเผยด้วยความสงบตลอดมากว่า ๑๐ ปี จึงได้กรรมสิทธิแล้วจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อนายอำเภอขอรับมรดกนางเหลี่ยมโดยอ้างว่าเป็นทายาท โจทก์คัดค้าน เจ้าพนักงานที่ดินจึงสั่งให้โจทก์ดำเนินคดีฟ้องจำเลย ขอให้ศาลห้ามจำเลยเกี่ยวข้องและให้สั่งให้เจ้าพนักงานใส่ชื่อโจทก์ลงในโฉนดเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทเฉพาะส่วนที่เป็นของนายถึกเท่านั้น ส่วนของนางเหลี่ยมโจทก์ครอบครองแทนจำเลยจึงไม่เป็นข้อตัดสิทธิที่จำเลยจะขอรับมรดกเกิน ๑ ปี โจทก์เป็นวัดเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ตามหลักธรรมทางพุทธศาสนาห้ามยึดถือทรัพย์ที่ผู้อื่นมิได้ยกให้ จึงถือว่าโจทก์ไม่มีเจตนาจะยึดถือที่ส่วนของนางเหลี่ยม แม้ตัวแทนจะครอบครองแทนก็ตาม ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม แม้พินัยกรรมยกให้จะเป็นโมฆะใช้ไม่ได้ แต่โจทก์ได้ครอบครอบถือสิทธิเป็นเจ้าของมากกว่า ๑๐ ปี แล้ว ที่ส่วนของนางเหลี่ยมจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง ให้เจ้าพนักงานที่ดินแก้ทะเบียนโจทก์เป็นเจ้าของแทนที่ต่อไป
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาว่านางทองดำหรือดำเช่าซื้อนาพิพาทจากนายถึกนางเหลี่ยมตามเอกสาร ล.๗ นั้น เอกสาร ล.๗ เป็นเพียงคำเสนอของนางดำทำขึ้นแต่ฝ่ายเดียวเท่านั้น จึงไม่อาจอ้างได้ว่ามีสัญญาเช่าซื้อต่อกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๗๒ วรรค ๒ “สัญญาเช่าซื้อนั้น ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือ ท่านว่าเป็นโมฆะ” หมายถึงว่าคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายต้องทำหนังสือนั้นขึ้นด้วยกัน จึงจะผูกพันกัน แม้จะฟังว่านางดำได้เข้าทำนาพิพาทหลังจากทำเอกสาร ล.๗ นั้นแล้ว และได้ชำระค่าเช่าแก่นายถึกเป็นเวลา ๖ ปี แต่ก็ปรากฏว่าหลังจากนั้นโจทก์ได้ให้คนอื่นเช่าทำ แสดงว่าโจทก์ไม่ถือว่ามีความผูกพันตามเอกสาร ล.๗ หรือครอบครอบแทนนางดำหรือจำเลย เมื่อนางเหลี่ยมตาย นายถึกได้ทำพินัยกรรมยกนาพิพาทให้แก่วัดโดยถิอสิทธิว่านาพิพาทส่วนของนางเหลี่ยมตกมาเป็นของนายถึกด้วย นางดำหรือจำเลยก็มิได้ฟ้องนายถึกเรียกร้องเอาที่พิพาทซึ่งเป็นมรดก และหากฟ้องภายหลัง ๑ ปี นายถึกย่อมจะยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิย์ มาตรา ๑๗๕๔ เมื่อนายถึกตายโจทก์ย่อมมีสิทธิได้รับมรดกของนายถึกและอ้างสิทธิของนายถึกว่าจำเลยหมดสิทธิที่จะขอรับมรดกส่วนของนางเหลี่ยมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๕๔ และ ๑๗๕๕ ได้ และจะถือว่าวัดเข้ายึดถือทรัพย์ของผู้อื่นที่เขามิได้ยกให้มาเป็นของวัดไม่ได้
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share