แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยผู้เช่าออกจากที่ดินของโจทก์แล้วศาลย่อมบังคับให้ผู้เช่าบ้านจากจำเลยออกจากที่ดินบ้านเรือนได้เพราะเป็นบริวารของจำเลย จะอ้าง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ มาคุ้มครองไม่ได้
ย่อยาว
เรื่องนี้ โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ออกหมายเรียกนายช้วง แซ่ตั้ง มาบังคับให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาท้ายยอมโดยอ้างว่านายช้วง แซ่ตั้ง เป็นบริวารของจำเลย
นายช้วงเถียงว่าได้เช่าบ้านเลขที่ 73/1 ซึ่งอยู่ในที่พิพาทต่อจากนางเน้ย แซ่ลิ้ม ซึ่งเป็นผู้เช่ามาจากนายเอ็งเซี้ยงหรือเซียะลิ้มจำเลย นายช้วงทำสัญญาเช่าเพื่ออยู่อาศัยมีกำหนด 5 ปี เมื่อเดือนกรกฎาคม 2495 โจทก์มาบอกนายช้วงให้ออกไปจากบ้านเช่าโดยจะให้ค่าขนย้าย 3,000 บาท ได้ให้ล่วงหน้าไว้ 1,000 บาทอีก 2,000 บาทโจทก์จะให้เมื่อขนย้ายไปในภาย 2 เดือน ต่อมาโจทก์ไม่ยอมให้เงินที่เหลือนายช้วงจึงไม่ยอมไป และได้คืนเงิน 1,000 บาทให้แก่ผู้แทนโจทก์ไปแล้ว นายช้วงอยู่ในฐานะผู้เช่าไม่ใช่บริวารจำเลย นายช้วงย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า
ศาลชั้นต้นเห็นว่า นายช้วงเช่าบ้านหลังนี้อยู่อาศัย จะเช่าจากจำเลยหรือเช่าต่อจากนางเน้ยก็ต้องถือว่าเป็นบริวารของจำเลยนายช้วงไม่ได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าเพราะโจทก์ไม่ใช่ผู้ให้เช่า จึงมีคำสั่งให้นายช้วง แซ่ตั้ง ในฐานะบริวารจำเลยออกจากที่ดินของโจทก์ภายใน 7 วัน
นายช้วง แซ่ตั้งอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นายช้วง แซ่ตั้งฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาได้ประชุมปรึกษาคดีนี้แล้ว เห็นว่านายช้วงอ้างตนแต่เพียงว่าได้เช่าบ้านเรือนรายนี้อยู่อาศัยจากนางเน้ย แต่นางเน้ยหาใช่เจ้าของที่ดินหรือเรือนโรงไม่ เพราะนางเน้ยก็เป็นแต่ผู้เช่ามาจากจำเลยอีกต่อหนึ่ง เมื่อจำเลยเองหมดสิทธิที่จะใช้ประโยชน์อย่างใด ๆ ในที่ดินและบ้านเรือนในที่รายนี้แล้วนางเน้ยซึ่งเป็นผู้เช่าจากจำเลยและนายช้วงผู้อ้างว่าได้เช่าต่อจากนางเน้ยก็ไม่อาจใช้สิทธิยันโจทก์ได้ เพราะไม่มีสิทธิอะไรดีกว่าจำเลย และนายช้วง จะอ้างพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่ามาคุ้มครองหาได้ไม่ เพราะโจทก์มิใช่เป็นผู้ให้นายช้วงเช่าบ้านรายนี้เมื่อนายช้วงเป็นผู้เช่าจากนางเน้ย ๆ เช่ามาจากจำเลย นายช้วงก็มีฐานะเป็นเพียงบริวารของจำเลยเท่านั้น ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้นายช้วงออกไปจากที่ดินของโจทก์จึงเป็นการถูกต้องแล้วฎีกาของนายช้วงฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกานายช้วงและให้นายช้วงเสียค่าทนายชั้นฎีกาแทนโจทก์อีก 50 บาท