แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตาม ม.119 นั้น ผู้กระทำผิดต้องกระทำแก่เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมายดังนี้ เมื่อจำเลยกระทำการต่อสู้หรือขัดขวางแก่พนักงานเทศบาล มิได้กระทำต่อโจทก์(อดีตนายกเทศมนตรี) เป็นส่วนตัว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย คำว่า”มันเที่ยวฟ้องคนทั้งบ้านทั้งเมือง” นั้น หาใช่เป็นคำใส่ความตามมาตรา 282 ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดกฎหมายหลายกะทงคือ
ก. บังอาจกล่าววาจาแสดงกิริยาขัดขวางนายเก่งพนักงานเทศบาลกับพวกผู้ไปทำการรังวัดถนนและคูเมืองสาธารณะโดยโจทก์เป็นนายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองสกลนครสั่งไป จำเลยแสดงกิริยาท่าทางโกรธมากจนนายเก่งกับพวกไม่กล้ารังวัด
ข. ด่าหมิ่นประมาทโจทก์ต่อหน้าบุคคลแต่สองคนขึ้นไปว่า “นายกบ้า ๆ นายกหมา ๆ นายกส้นตีน มันเที่ยวฟ้องคนทั้งบ้านทั้งเมือง” เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานกระทำการตามหน้าที่ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๑๑๖,๑๑๙,๒๘๒,๗๑
ศาลชั้นต้นสั่งงดไม่ได้ส่วนมูลฟ้องโจทก์ เห็นว่าโจทก์ฟ้องในฐานะส่วนตัวภายหลังจากพ้นตำแหน่งนายกเทศมนตรีแล้ว ฟ้องข้อ ก. โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำผิดต่อเจ้าพนักงานโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ตามฟ้องข้อ ข.คำบรรยายในฟ้องเป็นถ้อยคำภาษาธรรมดา ไม่เป็นเหตุให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียงหรือให้คนทั้งหลายดูหมิ่นเกลียดชังจำเลยไม่ควรมีผิดตามมาตรา ๒๘๒ ที่โจทก์ว่าเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานนั้น โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเช่นเดียวกันในข้อ ก. พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ยกฟ้องตามข้อ ข.ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องตามคำฟ้อง ข้อ ข.ตามมาตรา ๑๑๖ แห่งกฎหมายลักษณะอาญาแล้ว วินิจฉัยชี้ขาดไปตามรูปคดี
โจทก์ฎีกาว่า ตามฟ้องข้อ ก.โจทก์มีอำนาจฟ้องตามมาตรา ๒๘(๒) ป.วิ.อาญา เพราะความเสียหายเกิดขึ้นแก่โจทก์ผู้สั่งงานหรือนายเก่งก็เช่นกันตามฟ้องข้อ ข.ที่ว่า “มันเที่ยวฟ้องคนทั้งบ้านทั้งเมือง” นั้นเป็นการใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ตามมาตรา ๒๘๒
ศาลฎีกาเห็นว่าตามฟ้องข้อ ก. นั้นจำเลยกระทำการต่อสู้หรือขัดขวางแก่นายเก่งพนักงานเทศบาลหาใช่กระทำต่อโจทก์ไม่ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ส่วนคำว่า ” มันเที่ยวฟ้องคนทั้งบ้านทั้งเมือง” ในฟ้องข้อ ข.นั้น เห็นว่าคำกล่าวเช่นนี้หาใช่เป็นคำใส่ความอันจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามมาตรา ๒๘๒ แห่งกฎหมายลักษณะอาญาไม่ พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์