แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ใช้มือผลักหน้าอกไม่ให้ลุกขึ้นและพูดว่า ‘อย่าลุก’เพื่อจะแย่งเอาทรัพย์เขาดังนี้ฟังได้ว่าเป็นการใช้กำลังทำร้ายและใช้วาจาขู่เข็ญว่าจะทำร้าย เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันชิงทรัพย์ 18 บาท ของนายเยี่ยม แซ่ฝุ่ง คนขอทานไปขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยที่ 1, ที่ 3
จำเลยที่ 1, 2 ให้การรับสารภาพจำเลยที่ 3 ปฏิเสธ ข้อเคยต้องโทษจำเลยที่ 1, 3 รับว่าจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1, 2 ผิดกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293, 58 ทวิ, 59 เมื่อเพิ่มโทษและลดโทษแล้วคงจำคุกจำเลยที่ 1 4 เดือน จำเลยที่ 2 3 เดือน กักกันจำเลยที่ 1 3 ปี ส่วนจำเลยที่ 3 ให้ปล่อยตัวไป
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทาจำเลยที่ 1, 2 ฐานชิงทรัพย์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ 1, 2 ผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 299,58 ทวิ, 59 ลงโทษเมื่อเพิ่มและลดแล้ว จำคุกจำเลยที่ 1 1 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 2 1 ปี นอกจากที่แก้คงพิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าการที่จำเลยใช้มือผลักหน้าอกนายเยี่ยมมิให้ลุกขึ้นทั้งพูดว่า”อย่าลุก” ฟังไ้ว่าเป็นการใช้กำลังทำร้ายและใช้วาจาขู่เข็ญว่าจะทำร้าย เพื่อจะแบ่งเอาทรัพย์ของนายเยี่ยมเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
พิพากษายืน