คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 922/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อได้ความว่าเจ้าหนี้ครอบครองที่ดินพิพาทของเจ้ามรดกไว้ทำประโยชน์ต่างดอกเบี้ยตลอดมา โดยทายาทมิได้ครอบครองมรดกนั้นด้วย ดังนี้ถือได้ว่าเจ้าหนี้ได้ครอบครองในนามของผู้ตายหรือครอบครองแทนทายาทของผู้+ร่วมกัน และอายุความที่เกี่ยวกับฟ้องขอให้แบ่งที่พิพาทระหว่างทายาทด้วยกันนั้นจึงไม่อยู่ในบังคับบท ม. 1754 (อายุความ 1 ปี)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่านายริ่น ยมโชติ มีบุตรธิดา ๓ คน คือจำเลยและ ด.ญ.นำ ซึ่งเกิดกับนางหีตตายก่อนนายเริ่ม ๆ ตามเมื่อ ๘-๙ ปีมานี้ ขณะนี้บุตรที่ ๓ ยังเป็นผู้เยาว์ ก่อนตายนายเริ่มได้มอบที่สวน ที่นา อำเภอหลังฐาน จังหวัดชุมพร ๒ แปลงให้นายเหิม ผู้เป็นพี่เป็นผู้ปกครองแทนบุตรทั้ง ๓ และสั่งว่าเมื่อเด็กพอสามารถปกครองทรัพย์ใดแล้ว ให้จดทะเบียนสิทธิให้ทายาททั้ง ๓ คนรับมรดกต่อไป พ.ศ. ๒๔๙๖ นายเหิมได้จดทะเบียนสิทธิให้จำเลย ด.ญ.นำและด.ญ.พิญโญ รับมรดกนายเริ่มเป็นเจ้าของร่วมกันและมอบที่ดินให้ครอบครองแล้ว
ก่อนตายนายเริ่มเจ้ามรดกเป็นหนี้สินอยู่ ๙๕๐ บาท จำเลยได้ออกเงินใช้แทนไป บัดนี้ ด.ญ.พิญโญ ประสงค์จะแบ่งที่นาที่สวน ออกเป็นส่วนสัดและยอมใช้หนี้ที่จำเลยใช้แทนผู้ตายไปให้ ๑ ใน ๓ ส่วนจำเลยไม่ยอม โจทก์จึงฟ้อง
จำเลยให้การว่านางเยื้องมารดาโจทก์ไม่ใช่ภรรยาโดยชอบด้วย ก.ม. ของนายเริ่ม และ ด.ญ.พิญโญ ไม่ใช่บุตรนายเริ่ม คดีขาดอายุความแล้ว นายเริ่มมิได้มอบที่นาพิพาทให้นายเหิมปกครองแทนทายาทความจริงนายเริ่มเป็นหนี้เงินกู้นายเหิม ได้มอบนาพิพาทให้ทำกินต่างดอกเบี้ยให้นายเหิมปกครองแทนทายาทความจริงนายเริ่มเป็นหนี้เงินกู้นายเหิม ได้มอบนาพิพาทให้ทำกินต่างดอกเบี้ย จำเลยได้ใช้หนี้ ๙๕๐ บาทให้นายเหิมไปแล้ว นายเหิมจึงคืนนาพิพาทให้ ถ้าฟังว่าที่พิพาทเป็นที่มรดกขอให้หักเงิน ๙๕๐ บาทจากกองมรดกก่อน เหลือจึงแบ่งกัน
คู่ความรับกันว่านายเหิมได้ครอบครองที่นา ที่ส่วนรายนี้มาตั้งแต่นายเริ่มตาย โดยทำต่างดอกเบี้ยเงินกู้ ๙๕๐ บาท ที่นายเริ่มกู้ไป จนกระทั่งเกิดฟ้องร้องกันเป็นคดีนี้
ศาลชั้นต้นเห็นว่าเท่าที่สืบมายังไม่พอฟังว่า ด.ญ. พิญโญเป็นบุตรชอบด้วย ก.ม.ของนายเริ่ม พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้แย่งทีพิพาทเป็น ๓ ส่วนให้แก่โจทก์ ๑ ส่วนโดยให้โจทก์ชำระเงินแก่จำเลย ๑ ใน ๓ ของ ๙๕๐ หรือ ๓๑๖.๖๗ บาท ที่จำเลยชำระหนี้แทนนายเริ่มไป ถ้าการแบ่งไม่ตกลงกันก็ให้ประมูลราคาหรือขายทอดตลาด ฯลฯ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคำพยานทั้งสองฝ่ายรับกันว่า ด.ญ.พิญโญเป็นบุตรผู้ตาย และจำเลยผู้เป็นทายาทของผู้ตายอันมีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตายได้ยินยอมให้ ด.ญ.พิญโญ โจทก์ได้รับมรดกของผู้ตายด้วยจดทะเบียนโอนรับมรดกและจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นเจ้าของร่วมอันถือได้ว่าได้แบ่งมรดกกันเสร็จเรียบร้องไปแล้ว ด.ญ.พิญโญ ย่อมเป็นเจ้าของร่วมในที่ดินรายพิพาทกับจำเลยด้วย อนึ่งข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทนี้นายเหิมเจ้าหนี้ของนายเริ่มเจ้ามรดกได้ครอบครองทำประโยชน์ต่างดอกเบี้ยตลอดมา โดยทายาทมิได้ครอบครองทรัพย์มรดกนั้นด้วย ถือได้ว่าเจ้าหนี้ได้ครอบครองในนามของผู้ตายหรือได้ครอบครองแทนทายาทของผู้ตายร่วมกันคดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง
พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share