คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5134/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฯ มาตรา 264 วรรคหนึ่ง กรณีที่ศาลจะต้องส่งความเห็นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ต้องเป็นกรณีที่ศาลจะใช้บทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้นบังคับแก่คดีที่ศาลพิจารณาอยู่ การที่จะพิจารณาว่าศาลภาษีอากรกลางมีอำนาจพิจารณาคดีนี้หรือไม่ จะต้องพิจารณาตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร ฯ มาตรา 7 จำเลยให้การว่า คดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางแต่อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามรัฐธรรมนูญ ฯ มาตรา 276 ที่ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง ฯ มาตรา 9 บัญญัติยกเว้นมิให้อยู่ในอำนาจศาลปกครอง ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ฯ มาตรา 6 นั้น มิใช่เป็นการกล่าวอ้างว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่จะใช้บังคับแก่คดีต้องด้วยรัฐธรรมนูญ ฯ มาตรา 6 จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะต้องส่งความเห็นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระภาษีโรงเรือนและที่ดินกับเงินเพิ่มจำนวน ๔๑๒,๖๓๒ บาท แก่โจทก์ จำเลยให้การว่า คดีนี้เป็นข้อพิพาทระหว่างราชการส่วนท้องถิ่นกับเอกชน อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลปกครอง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ มาตรา ๒๗๖ การที่พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๙ บัญญัติยกเว้นมิให้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลปกครองเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ มาตรา ๖ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และให้การต่อสู้ประเด็นอื่นอีกหลายประเด็น ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๔๔ ขอให้ศาลภาษีอากรกลางส่งเรื่องที่จำเลยให้การต่อสู้ประเด็นอำนาจฟ้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ มาตรา ๒๖๔ ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งว่าการที่ศาลจะส่งคำโต้แย้งของคู่ความไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ หรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาล ในคดีนี้ศาลได้ตั้งประเด็นปัญหาข้อกฎหมายไว้ในชั้นชี้สองสถานแล้วจึงไม่มีเหตุตามคำร้อง ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปจนเสร็จการพิจารณา และนัดฟังคำพิพากษาวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๔๔ จำเลยคัดค้านคำสั่งดังกล่าว
จำเลยยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๔๔ ว่า การที่ศาลภาษีอากรกลางดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ และเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่สำคัญขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาดังกล่าว ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งว่า พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๔๑๒,๖๓๒ บาท แก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งทั้งสองฉบับดังกล่าวข้างต้น
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า… ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยมีว่า ที่ศาลภาษีอากรกลางไม่ส่งความเห็นของจำเลยที่ว่าพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณคดีปกครอง พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๙ ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ มาตรา ๒๗๖ ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเป็นการชอบหรือไม่ เห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ มาตรา ๒๖๔ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ในกรณีที่ศาลจะใช้บทบัญญัติแห่งกฎหมายบังคับแก่คดีใด ถ้าศาลเห็นเองหรือคู่ความโต้แย้งว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้นต้องด้วยบทบัญญัติ มาตรา ๖ และยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวกับบทบัญญัตินั้น ให้ศาลรอการพิจารณาพิพากษาคดีไว้ชั่วคราว และส่งความเห็นเช่นว่านั้นตามทางการเพื่อศาลรัฐธรรมนูญจะได้พิจารณาวินิจฉัย” ตามบทบัญญัติดังกล่าวแสดงว่า กรณีที่ศาลจะต้องส่งความเห็นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ต้องเป็นกรณีที่ศาลจะใช้บทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้นบังคับแก่คดีที่ศาลพิจารณาอยู่ การที่จะพิจารณาว่าศาลภาษีอากรกลางมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้หรือไม่ จะต้องพิจารณาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.๒๕๒๘ มาตรา ๗ ดังนั้น การที่จำเลยให้การว่า คดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลภาษีอากรกลาง แต่อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ มาตรา ๒๗๖ ที่พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๙ บัญญัติยกเว้นมิให้อยู่ในอำนาจศาลปกครอง ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ มาตรา ๖ จึงมิใช่เป็นการกล่าวอ้างว่า บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับแก่คดีต้องด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ มาตรา ๖ จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะต้องส่งความเห็นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยทั้งสองฉบับดังกล่าวชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๑,๕๐๐ บาท แทนโจทก์.

นายอดิเทพ ถิระวัฒน์ ผู้ช่วยฯ/ย่อสั้น
นายเจษฎา ชุมเปีย ย่อยาว
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายชินวิทย์ จินดา แต้มแก้ว ผู้ช่วยฯ/ตรวจ

Share