คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6684/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานเพิกถอนการบังคับคดีเพิกถอนการยึด และมีคำสั่งให้ปล่อยเงินที่ยึดจำนวน2,400,200 บาท กับขอให้ไต่สวนข้อโต้แย้งและการปฏิเสธส่งเงินจากบัญชีเงินฝากประจำของจำเลยที่มีอยู่กับผู้ร้องซึ่งผู้ร้องอ้างว่าเงินฝากประจำศาลแพ่งสั่งอายัดชั่วคราวไว้ และบัญชีเงินฝากประจำดังกล่าว จำเลยได้จำนำประกันหนี้ของจำเลยที่มีอยู่กับผู้ร้อง และจำเลยมีหนังสือยินยอมให้หักเงินในบัญชีชำระหนี้ผู้ร้องได้ ดังนี้เป็นกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่าจำเลยไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินฝากคืนจากผู้ร้อง โจทก์จึงไม่มีสิทธิขออายัดอันเป็นกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่าศาลแรงงานออกหมายบังคับคดีและดำเนินการบังคับคดีเอาแก่ผู้ร้องเป็นการไม่ชอบ ซึ่งศาลแรงงานจะต้องไต่สวนตามที่เห็นสมควรแล้วมีคำสั่งอนุญาตหรือยกคำขอนั้นแต่ในการไต่สวนศาลแรงงานสอบข้อเท็จจริงจากผู้ร้องเพียงฝ่ายเดียว และผู้ร้องส่งอ้างเอกสารเป็นพยานแล้วศาลแรงงานมีคำสั่งให้งดการไต่สวน และมีคำสั่งยกคำร้องของ ผู้ร้อง เมื่อปรากฏว่าคดีนี้ผู้ร้องไม่ได้นำสืบพยานบุคคลประกอบว่าการจำนำตามบัญชีเงินฝากดังกล่าวของจำเลยมีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดอย่างไร ผู้ร้องจึงไม่ยอมส่งเงินตามที่ศาลสั่งอายัด สำหรับฝ่ายโจทก์ซึ่งคัดค้านเข้ามาก็ไม่ปรากฏว่าศาลแรงงานได้สอบถามว่ายอมรับข้อเท็จจริงข้อไหนอย่างไร ที่ผู้ร้องอ้างมาบ้าง ดังนั้น ข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานได้มาจากการสอบถามกับเอกสารที่ผู้ร้องส่งอ้าง เป็นพยานก็ดีและข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยของศาลแรงงานก็ดี ยังไม่เพียงพอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมายของศาลฎีกาในปัญหาว่าที่ศาลแรงงานมีคำสั่งยืนยันให้ผู้ร้องส่งเงินอายัดเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 311 ประกอบด้วยมาตรา 312 วรรคหนึ่ง เพราะจะต้องไต่สวนและ เห็นว่าเป็นที่พอใจว่าหนี้ที่เรียกร้องนั้นมีอยู่จริงก่อนมีคำสั่งยืนยันให้ผู้ร้องส่งเงินตามที่โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดไปหรือไม่ และหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าหนี้ที่เรียกร้องไม่มีอยู่จริง การออกหมายบังคับเอาแก่ผู้ร้องต่อมาจะเป็นการออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้นอันผู้ร้องจะยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานมีคำสั่งให้ยก หมายบังคับคดีเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคแรกและวรรคสาม ประกอบด้วย พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 หรือไม่ซึ่งศาลฎีกาไม่อาจก้าวล่วงไปวินิจฉัยข้อเท็จจริงของคดีแรงงานได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 56 ศาลฎีกาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานทำการพิจารณาสืบพยานในข้อที่เกี่ยวกับสัญญาจำนำประกันหนี้ต่าง ๆ ที่จำเลยมีกับผู้ร้อง ตลอดถึงข้อกำหนดและเงื่อนไขเกี่ยวกับการจำนำระหว่างผู้ร้องกับจำเลย แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

ย่อยาว

คดีทั้งสิบสำนวนนี้ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน โดยให้เรียกโจทก์ตามลำดับสำนวนว่าโจทก์ที่ 1 ถึงโจทก์ที่ 10
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสิบฟ้องจำเลยเรียกเงินตามสัญญาจ้างแรงงาน ศาลแรงงานกลางพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ทั้งสิบแต่จำเลยไม่ชำระ โจทก์ทั้งสิบนำเจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินฝากของจำเลย จำนวน 2,411,200 บาท ในบัญชีเลขที่ 331-2 ซึ่งอยู่ที่ธนาคารศรีนคร จำกัด ผู้ร้องสาขาย่อยเวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์แต่ผู้ร้องปฏิเสธไม่ส่งเงินตามหมายอายัด ต่อมาศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้ผู้ร้องปฏิบัติตามหมายอายัด ผู้ร้องเพิกเฉย ศาลแรงงานกลางจึงออกหมายบังคับคดีฉบับลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2538 แก่ผู้ร้อง แล้วโจทก์ทั้งสิบได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลแรงงานกลางยึดเงินสดจำนวน2,411,200 บาท ของผู้ร้องเสมือนหนึ่งว่าผู้ร้องเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามคำขอของเจ้าพนักงานบังคับคดี
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องมีหนังสือที่ วท.4/2538 ลงวันที่18 มกราคม 2538 โต้แย้งและปฏิเสธการส่งเงินตามหนังสือของเจ้าพนักงานบังคับคดี โดยให้เหตุผลว่าเงินฝากประจำเลขที่331-2 ที่ศาลแรงงานกลางได้มีคำสั่งอายัดและให้ผู้ร้องส่งเงินดังกล่าวนั้น ศาลแพ่งได้มีคำสั่งอายัดชั่วคราวมิให้ผู้ร้องจ่ายเงินจากบัญชีดังกล่าวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด และเงินในบัญชีฝากประจำดังกล่าว จำเลยได้จำนำเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่มีอยู่กับผู้ร้อง ที่ศาลแรงงานมีหนังสือที่ ยธ.0210/417 ลงวันที่26 มกราคม 2538 แจ้งผู้ร้องให้ส่งเงินตามหมายอายัดโดยให้เหตุผลเพียงว่าคำสั่งอายัดเงินชั่วคราวไม่ห้ามโจทก์ในคดีนี้ที่จะอายัดเงินตามหมายบังคับคดีของศาลแรงงานกลางและต่อมาโจทก์ขอให้ศาลแรงงานออกหมายบังคับคดีเอาแก่ผู้ร้อง และโจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดเงินจำนวน2,411,200 บาท นั้นเป็นการไม่ชอบ เพราะการออกหมายบังคับคดีไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา เมื่อผู้ร้องโต้แย้งและปฏิเสธศาลแรงงานกลางต้องไต่สวนให้ปรากฏชัด การที่ศาลแรงงานกลางมิได้ดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนข้อโต้แย้งและปฏิเสธของผู้ร้องเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบและมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติที่จะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการบังคับคดี เพิกถอนการยึด และมีคำสั่งให้ปล่อยเงินที่ยึดจำนวน 2,411,200 บาท และมีคำสั่งให้ไต่สวนข้อโต้แย้งและปฏิเสธการส่งเงินจากบัญชีเงินฝากประจำเลขที่ 331-2 ของจำเลยที่มีอยู่กับผู้ร้องต่อไป
โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านว่า หมายบังคับคดีของศาลที่บังคับเอาแก่ผู้ร้องชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่จำต้องไต่สวนพยานหลักฐานของผู้ร้อง
วันนัดพิจารณา ผู้ร้องแถลงรับข้อเท็จจริงว่า จำเลยมีเงินฝากที่ธนาคารศรีนคร จำกัด สาขาย่อยเวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์ตามบัญชีเงินฝากเลขที่ 331-2 ซึ่งจำเลยได้จำนำเป็นประกันหนี้ที่มีอยู่กับผู้ร้องตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีและสัญญาจำนำตราสารชนิดออกให้แก่บุคคลโดยนาม เอกสารหมาย ร.1 ผู้ร้องยังมิได้มีการหักชำระหนี้เงินตามบัญชีดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีคำสั่งห้ามชั่วคราวของศาลแพ่งห้ามผู้ร้องจ่ายเงินของจำเลยที่มีอยู่ในบัญชีเงินฝากกับผู้ร้องจนกว่าคดีจะถึงที่สุดตามหมายอายัดชั่วคราวของศาลแพ่ง เอกสารหมาย ร.2ผู้ร้องยังไม่ได้ส่งเงินตามคำสั่งให้ศาลแพ่งแต่อย่างใด ต่อมาศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอายัดเงินและโจทก์ได้ยึดเงินตามคำสั่งอายัดแล้ว
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้งดการไต่สวนแล้ววินิจฉัยว่าตามหนังสือผู้ร้อง วท.4/2538 และคำแถลงรับข้อเท็จจริงของผู้ร้องว่า ผู้ร้องยังมิได้หักชำระหนี้เงินตามบัญชีฝากของจำเลยตามสัญญาจำนำ เอกสารหมาย ร.1 เงินฝากดังกล่าวจึงยังเป็นสิทธิเรียกร้องของจำเลย แม้ผู้ร้องจะมีข้อโต้แย้งข้อจำกัด หรือเงื่อนไขเกี่ยวกับสัญญาจำนำตามเอกสารหมาย ร.1ก็ไม่ต้องห้ามมิให้อายัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 311 อีกทั้งการอายัดชั่วคราวก่อนพิพากษาก็ไม่ต้องห้ามการอายัดตามคำพิพากษาตามมาตรา 290 หนี้ที่เรียกร้องนั้นมีอยู่จริงและไม่ต้องห้ามมิให้อายัด เมื่อผู้ร้องไม่ปฏิบัติตามหมายอายัดดังกล่าว ศาลย่อมออกหมายบังคับคดีเอาแก่ผู้ร้องเสมือนหนึ่งว่าผู้ร้องเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามคำขอของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 312 โดยมิต้องไต่สวนก่อน กรณีไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการบังคับคดีดังกล่าว ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องทั้งสิบสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่ผู้ร้องอุทธรณ์ว่าศาลแรงงานกลางออกหมายบังคับคดีและดำเนินการบังคับคดีเอาแก่ผู้ร้องเสมือนหนึ่งว่าผู้ร้องเป็นลูกหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาตามคำขอของเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นการไม่ชอบนั้นเห็นว่าผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานกลางเพิกถอนการบังคับคดีเพิกถอนการยึด และมีคำสั่งให้ปล่อยเงินที่ยึดจำนวน 2,400,200 บาท กับขอให้ไต่สวนข้อโต้แย้งและการปฏิเสธส่งเงินจากบัญชีเงินฝากประจำเลขที่ 331-2 ของจำเลยที่มีอยู่กับผู้ร้อง ซึ่งผู้ร้องอ้างว่าเงินฝากประจำเลขที่ 331-2ศาลแพ่งสั่งอายัดชั่วคราวไว้ และบัญชีเงินฝากประจำดังกล่าวจำเลยได้จำนำประกันหนี้ของจำเลยที่มีอยู่กับผู้ร้องและจำเลยมีหนังสือยินยอมให้หักเงินในบัญชีชำระหนี้ผู้ร้องได้ดังเอกสารท้ายคำร้องหมาย 6, 7 และ 10 เป็นกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่าจำเลยไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินฝากคืนจากผู้ร้อง โจทก์จึงไม่มีสิทธิขออายัดอันเป็นกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่าศาลแรงงานกลางออกหมายบังคับคดีและดำเนินการบังคับคดีเอาแก่ผู้ร้องเป็นการไม่ชอบซึ่งศาลแรงงานกลางจะต้องไต่สวนตามที่เห็นสมควรแล้วมีคำสั่งอนุญาตหรือยกคำขอนั้น คดีนี้โจทก์คัดค้านว่าหมายบังคับคดีที่บังคับแก่ผู้ร้องชอบด้วยกฎหมายแล้วในวันนัดไต่สวนโจทก์ที่ 2 ทนายโจทก์ทั้งสิบ และทนายผู้ร้องมาศาลศาลแรงงานกลางสอบข้อเท็จจริงจากผู้ร้องเพียงฝ่ายเดียวและผู้ร้องส่งอ้างเอกสารเป็นพยานตามเอกสารหมาย ร.1 (ค.1)ร.2 (ค.2) ร.3 (ค.3) และ ร.4 (ค.4) และศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ไม่จำต้องไต่สวน ให้งดการไต่สวนและมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องนั้น เมื่อข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางสอบถามจากผู้ร้องนั้น ผู้ร้องรับว่าจำเลยมีเงินฝากอยู่กับผู้ร้องตามบัญชี 331-2 ส่วนข้อที่ว่า เงินฝากตามบัญชี 331-2 จำเลยได้จำนำไว้เป็นประกันหนี้ที่จำเลยมีกับผู้ร้องนั้น มิใช่เป็นคำรับ แต่เป็นข้อเถียงของผู้ร้องที่จะต้องนำสืบให้เห็นว่ามีการจำนำจริงหรือไม่ มีเงื่อนไขเกี่ยวกับการจำนำอย่างไรบ้าง อันจะทำให้เห็นว่าผู้ร้องมีสิทธิหักเงินฝากประจำของจำเลยชำระหนีได้หรือไม่ และผู้ร้องไม่จำต้องปฏิบัติตามคำสั่งอายัดหรือไม่ ซึ่งในข้อนี้ผู้ร้องเพียงแต่ส่งเอกสารหมาย ร.1(.1) และ ร.2 (ค.2) โดยไม่ได้นำสืบพยานบุคคลประกอบว่าการจำนำตามบัญชีเงินฝากดังกล่าวของจำเลยมีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดอย่างไรผู้ร้องจึงไม่ยอมส่งเงินตามที่ศาลสั่งอายัด สำหรับฝ่ายโจทก์ซึ่งคัดค้านเข้ามา ก็ไม่ปรากฏว่าศาลแรงงานกลางได้สอบถามว่ายอมรับข้อเท็จจริงข้อไหนอย่างไร ที่ผู้ร้องอ้างมาบ้าง และโดยเฉพาะศาลแรงงานกลางก็ได้มีคำสั่งรวบรัดเพียงสั้น ๆ ว่าผู้ร้องยังมิได้หักชำระหนี้เงินตามสัญญา เงินฝากจึงยังเป็นสิทธิเรียกร้องของจำเลยแม้ผู้ร้องจะมีข้อโต้แย้งข้อจำกัดและเงื่อนไขตามสัญญาจำนำตามเอกสารหมาย ร.1(ค.1) ก็ไม่ต้องห้ามอายัด ทั้งการอายัดชั่วคราวของศาลแพ่งไม่ห้ามอายัดตามคำพิพากษาอีก และสั่งยกคำร้องของผู้ร้องนั้น เห็นว่าข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางได้มาจากการสอบถามกับเอกสารที่ผู้ร้องส่งอ้างเป็นพยานก็ดีและข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางก็ดี ยังไม่เพียงพอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมายของศาลฎีกาในปัญหาว่า ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยืนยันให้ผู้ร้องส่งเงินอายัดเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 311 ประกอบด้วยมาตรา 312 วรรคหนึ่ง เพราะศาลแรงงานกลางจะต้องไต่สวนและเห็นว่าเป็นที่พอใจว่าหนี้ที่เรียกร้องนั้นมีอยู่จริงก่อนมีคำสั่งยืนยันให้ผู้ร้องส่งเงินตามที่โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดไปหรือไม่ และหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าหนี้ที่เรียกร้องไม่มีอยู่จริง การออกหมายบังคับเอาแก่ผู้ร้องต่อมาจะเป็นการออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้นอันผู้ร้องจะยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้ยกหมายบังคับคดีเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคแรกและวรรคสาม ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 หรือไม่ซึ่งศาลฎีกาไม่อาจก้าวล้วงไปวินิจฉัยข้อเท็จจริงของคดีแรงงานได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 56 โดยเฉพาะข้อที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า แม้ผู้ร้องจะมีข้อโต้แย้ง ข้อจำกัด หรือเงื่อนไขในการจำนำตามเอกสารหมาย ร.1(ค.1) ซึ่งไม่มีรายละเอียดว่าจำนำกันไว้โดยมีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขอย่างใดบ้างระหว่างผู้ร้องกับจำเลย เช่น ให้สิทธิผู้ร้องหักเงินในบัญชีชำระหนี้ผู้ร้องได้หรือไม่ หรือหนี้ของผู้ร้องมีจำนวนเท่าไร หนี้ถึงกำหนดหรือยังเป็นต้นซึ่งอาจทำให้ผู้ร้องไม่ต้องส่งเงินตามบัญชีเงินฝากตามคำสั่งอายัด จึงเห็นสมควรให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางทำการพิจารณาสืบพยานในข้อดังกล่าวแล้วพิจารณาหรือมีคำสั่งใหม่ต่อไป
พิพากษายกคำสั่งศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางทำการพิจารณาสืบพยานในข้อนี้เกี่ยวกับสัญญาจำนำ ประกันหนี้ต่าง ๆ ที่จำเลยมีกับผู้ร้อง ตลอดถึงข้อกำหนดและเงื่อนไขเกี่ยวกับการจำนำระหว่างผู้ร้องกับจำเลย แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

Share