แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องในข้อหาต่างกระทงกัน ต่อศาลแขวง แม้ข้อหากระทงหนึ่งซึ่งสาลแขวงยกฟ้องจะยุติไปเพราะต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงก็ดี ข้อหากระทงอื่นซึ่งไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงเพราะไม่ใช่คดีที่อัตราโทษอยู่ในอำนาจศาลแขวงพิจารณาพิพากษา ก็หายุติตามไปด้วยไม่ และศาลไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงตาม กระทงที่ยุติไปเพราะต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์จึงต้องพิจารณาข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาในกระทงอื่นที่ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ หาว่า โจทก์สมคบกับเสมียนยักยอกเงินรายได้ของประตูน้ำ และได้ขอให้โจทก์ลงลายมือชื่อในกระดาษเปล่า เพื่อนำไปกรอกข้อความมอบหมายงาน แต่จำเลยทั้ง ๕ นำไปกรอกข้อความว่า โจทก์ยอมหักเงินเดือนดให้กรมชลประทาน แล้วนำไปอ้างในคดีแพ่งดำที่ ๑๖๑๗/๒๕๐๑ ซึ่งโจทก์ฟ้องกรมชลประทาน และเบิกความเป็นพยานยืนยันข้อความตามนั้นอันเป็นเท็จ ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๙๐, ๙๑, ๑๓๗, ๑๖๑, ๑๖๒, ๑๗๗, ๑๘๐, ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๖, ๒๖๗, ๒๖๘ กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๖๓, ๗๐, ๗๑, ๑๑๘, ๑๕๕, ๑๕๗, ๒๒๒, ๒๒๓, ๒๒๔, ๒๒๕, ๒๒๙, ๓๑๕
ศาลแขวงพระนครเหนือไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นด้วยคดีไม่มีมูลว่าจำเลยทำผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์กระทงที่ ๑ เรื่องกรอกข้อกรอกข้อความเท็จในเอกสารเป็นกระทงสำคัญ แต่เป็นการกระทำก่อนใช้ประมวลกฎหมายอาญา และเป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๓๑๕ ซึ่งอยู่ในอำนาจศาลแขวงพิจารณาพิพากษา เมื่อศาลแขวงฟังข้อเท็จจริงในกระทงที่ ๑ ว่าไม่มีมูล โจทก์อุทธรณ์ข้อเท็จจริงไม่ได้ กระทงความผิดอื่นจึงต้องฟ้องยุติตามศาลชั้นต้นและไม่มีมูล พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องในข้อหาต่างกระทงกัน แม้ข้อหาในกระทงตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๓๑๕ จะยุติไปเพราะเป็นคดีต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงก็ดี ข้อหากระทงอื่นซึ่งไม่ต้องอุทธรณ์ข้อเท็จจริง เพราะไม่ใช้คดีที่อัตราโทษอยู่ในอำนาจศาลแขวงก็หายุติตามไปด้วยไม่ และศาลไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงตามข้อหากระทงที่ยุติไปเพราะต้องห้ามอุทธรณ์แต่อย่างใด
พิพากษาแก้ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาข้อเท็จจริงในข้อดหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๖๑, ๑๖๒, ๑๗๗, ๑๘๐, ๒๖๕, ๑๖๖, ๒๖๘ แล้วพิพากษาใหม่นอกนั้นคงเป็นไปตามศาลอุทธรณ์