คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9162/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า ลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยทั้งสองกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้รถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยสูญหายหรือไม่ ก็มีความหมายเพียงว่าลูกจ้าง หรือตัวแทนของจำเลยทั้งสองกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อไม่ได้ตรวจดูบัตรจอดรถที่ออกให้แก่ ช. ซึ่งขับรถยนต์คันดังกล่าวเข้าไปจอดบริเวณที่จอดรถของห้างสรรพสินค้า เป็นเหตุให้คนร้ายลักรถยนต์คันนั้นไปเท่านั้น มิได้มีความหมายรวมถึงเหตุที่รถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยสูญหาย เกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2 ที่ไม่จัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินตรวจบริเวณลานจอดรถที่โจทก์มิได้อ้างเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองรับผิดตามฟ้องแต่อย่างใดไม่ และแม้ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นจะมีการสืบพยานกล่าวอ้างถึงเหตุดังกล่าวก็เป็นการนำสืบนอกประเด็นข้อพิพาทอันเป็นการไม่ชอบ เมื่ออุทธรณ์ของโจทก์นั้นเป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นกล่าวอ้างคนละเหตุกับคำฟ้องของโจทก์ จึงถือว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันคืนรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ลว 7811 กรุงเทพมหานคร แก่โจทก์ หรือร่วมกันใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 410,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 400,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ให้โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ นอกจากนี้ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยทั้งสองดังกล่าวคงมีประเด็นข้อพิพาทเพียงว่า ลูกจ้างของจำเลยทั้งสองกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยการไม่ตรวจดูบัตรจอดรถเป็นเหตุให้คนร้ายลักรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไปหรือไม่เท่านั้น ไม่มีประเด็นข้อพิพาทเรื่องเหตุที่รถยนต์คันดังกล่าวสูญหายเพราะจำเลยที่ 2 ไม่จัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินตรวจบริเวณลานจอดรถแต่อย่างใด แม้โจทก์จะฎีกาอ้างว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องแล้วว่าขณะเกิดเหตุจำเลยทั้งสองร่วมกันเป็นนายจ้างหรือตัวการจ้าง วาน ใช้หรือมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ผู้มีชื่อ ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยทั้งสองให้มีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สิน ตลอดทั้งหน้าที่ตรวจตราดูแลรถยนต์ที่เข้าออกภายในห้างสรรพสินค้าตะวันออกคอมเพล็กซ์ เพื่อมิให้ทรัพย์สินหรือรถยนต์ของผู้ที่มาซื้อสินค้าในห้างดังกล่าวต้องสูญหาย ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่แทนจำเลยทั้งสอง ก็เป็นเพียงการบรรยายฟ้องให้เห็นถึงหน้าที่ความรับผิดชอบทั่วไปของจำเลยทั้งสองเท่านั้น ส่วนการที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า ลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยทั้งสองกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้รถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยสูญหายหรือไม่ ก็มีความหมายเพียงว่าลูกจ้าง หรือตัวแทนของจำเลยทั้งสองกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อไม่ได้ตรวจดูบัตรจอดรถที่ออกให้แก่นายชำนาญซึ่งขับรถยนต์คันดังกล่าวเข้าไปจอดบริเวณที่จอดรถของห้างสรรพสินค้า เป็นเหตุให้คนร้ายลักรถยนต์คันนั้นไปเท่านั้น มิได้มีความหมายรวมถึงเหตุที่รถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยสูญหาย เกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2 ที่ไม่จัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินตรวจบริเวณลานจอดรถที่โจทก์มิได้อ้างเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองรับผิดตามฟ้องแต่อย่างใดไม่ และแม้ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นจะมีการสืบพยานกล่าวอ้างถึงเหตุดังกล่าวก็เป็นการนำสืบนอกประเด็นข้อพิพาทอันเป็นการไม่ชอบ เมื่ออุทธรณ์ของโจทก์นั้นเป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นกล่าวอ้างคนละเหตุกับคำฟ้องของโจทก์ จึงถือว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมา แล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่งที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์และพิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก็ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ปรากฏว่าโจทก์เสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกามาตามทุนทรัพย์ 410,000 บาท แต่โจทก์ฎีกาเพียงว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ชอบหรือไม่เท่านั้น อันเป็นฎีกาในส่วนที่เกี่ยวกับคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ 2 (ก) ท้ายประมวลกฎหมายฺวิธีพิจารณาความแพ่ง (เดิม) จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาส่วนที่เกิน 200 บาท ให้แก่โจทก์
พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาส่วนที่เกิน 200 บาท แก่โจทก์ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share